posttoday

"ผมไม่ใช่คนดังทุนทางสังคมไม่มีแต่ตั้งใจมาวิ่งเพื่อช่วยร.พ."

07 เมษายน 2561

ครูหนุ่มใจหล่อวิ่งจากร.พ.ทองผาภูมิมุ่งหน้ากทม.หาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์และต่อต้านการล่าสัตว์ป่าขณะที่ยอดบริจาคอยู่ที่กว่า3แสนบาทแล้ว

ครูหนุ่มใจหล่อวิ่งจากร.พ.ทองผาภูมิมุ่งหน้ากทม.หาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์และต่อต้านการล่าสัตว์ป่าขณะที่ยอดบริจาคอยู่ที่กว่า3แสนบาทแล้ว

นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือครูนัท อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาศิลปะ โรงเรียนโยธินบูรณะ กทม.ได้วิ่งออกจาก รพ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 เม.ย.61 ตามโครงการล้านก้าว จุดประสงค์เพื่อหารายได้สมทบทุนซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิ รวมมูลค่าประมาณ 1,104,000 บาท และเพื่อเป็นการรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าทุกชนิด

"ผมไม่ใช่คนดังทุนทางสังคมไม่มีแต่ตั้งใจมาวิ่งเพื่อช่วยร.พ."

ทั้งนี้ผ่านมา5วันแล้ว ครูนัท ได้วิ่งมาถึงสถานีบริการน้ำมัน ปตท.แก่งเสี้ยน ต.แก่งสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 16.20น. และได้หยุดพักร่างกายเป็นเวลา 45 นาที จากนั้นได้มุ่งหน้าวิ่งต่อไปยังตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมี นายขวัญชัย ถิระศิลป์ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทางการวิ่งและคอยประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวรวมทั้งประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยเพื่อสมทบทุนในการซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิด้วย

นายณัฐวัฒน์ หรือครูนัท เปิดเผยว่า ก่อนตัดสินใจวิ่งเพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อนขณะนั้นมาทำค่ายให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีและอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญและทุรกันดารเป็นอย่างมาก และจากการพูดคุยกับเด็กๆ พบว่า เมื่อยามเจ็บป่วยไม่หนักมากนักก็ไปพบหมอที่อนามัยใกล้ๆแต่บางเคสที่รุนแรงต้องนั่งรถยนต์เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเมืองกาญจนบุรี เป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร

"ผมไม่ใช่คนดังทุนทางสังคมไม่มีแต่ตั้งใจมาวิ่งเพื่อช่วยร.พ."

"จึงคิดว่าชีวิตคนเรามันไม่น่าเสี่ยงกับระยะทางที่ไกลขนาดนั้น และจากการตรวจสอบก็พบว่าเครื่องมือแพทย์ที่อยู่ภายในโรงพยาบาลทองผาภูมิก็ไม่มีความพร้อม และที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอ แต่ก็ได้แค่ฉุกคิด เพราะต้นทุนของเราต่ำ ขณะที่เครื่องมือแพทย์ก็มีราคาที่สูงมาก"

ครูนัท เล่าต่อว่า เริ่มต้นเดิมทีตั้งใจจะวิ่งเพื่อรณรงค์หยุดล่าเสือดำ และสัตว์ป่าทุกชนิด โดยจะเริ่มวิ่งที่หน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และตั้งใจจะวิ่งตั้งแต่เดือนก.พ.61 แต่เนื่องจากต้องตรวจวิชาให้กับนักเรียน จึงไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้ และรอโอกาสมาจนถึงช่วงเดือนเม.ย.61จึงมีเวลาที่จะวิ่งได้

"ผมไม่ใช่คนดังทุนทางสังคมไม่มีแต่ตั้งใจมาวิ่งเพื่อช่วยร.พ."

ได้มีการคุยกับกลุ่มเพื่อนว่า ในเมื่อเราจะวิ่งเพื่อเสือดำแล้ว ก็ถือโอกาสวิ่งเพื่อระดมทุนหาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับทางโรงพยาบาลทองผาภูมิไปพร้อมกันเลย ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย จากนั้น ก็ให้เพื่อนรุ่นพี่สอบถามไปยังโรงพยาบาลว่ายังมีเครื่องมือทางการแพทย์อะไรที่ยังขาดอยู่บ้าง จึงได้ทราบว่ายังขาดอยู่อีกมาก เช่น ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกแรกคลอด, เครื่องบันทึกการบีบตัวของมดลูก, เครื่องติดตามสัญญาณชีพและวัดระดับออกซิเจน, เครื่องวัดความดันโลหิตและเครื่องมือต่างๆ อีกรวมมูลค่าประมาณ 1,104,000 บาท

"ผมไม่ใช่คนดังทุนทางสังคมไม่มีแต่ตั้งใจมาวิ่งเพื่อช่วยร.พ."

เมื่อทราบราคาก็ต้องคิดหนักว่าเงินจำนวนดังกล่าวเราจะสามารถหาให้กับทางโรงพยาบาลได้หรือไม่ เพราะเราไม่ใช่คนโด่งดังอะไร จึงตั้งเป้าไว้ว่า อย่างน้อยก็ขอให้สามารถจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับทางโรงพยาบาลได้สักเครื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้สำหรับฟังหัวใจทารกในครรภ์ ซึ่งมีราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาท และหากทำได้ก็ถือว่าคุ้มแล้วกับระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร จากโรงพยาบาลทองผาภูมิไปถึงโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่สอนอยู่

ก่อนเริ่มต้นวิ่ง ตนและเพื่อนๆ ได้ไปพบกับ ผอ.โรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคาร แต่เนื่องจากว่า การเบิกจ่ายของทางโรงพยาบาลค่อนข้างที่จะล่าช้า เพราะเป็นระบบราชการ และเมื่อจะไปเปิดบัญชีเองก็เกรงว่าจะมีปัญหาตามมา ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา และเพื่อสบายใจของทุกฝ่าย ผอ.โรงพยาบาลทองภูมิ จึงออกใบรับรองให้ว่า การวิ่งครั้งนี้เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลจริง จากนั้นจึงไปเปิดบัญชีที่ “ธนาคารกรุงไทย สาขาทองผาภูมิ เลขที่บัญชี 718-0-33633-5 ชื่อบัญชี น.ส.พรนิยม สาริกา เพื่อโรงพยาบาลทองผาภูมิ และทวงชีวิตเสือดำ”

โดยกลุ่มเพื่อยังได้เปิดเพจเพื่อให้ประชาชนช่วยกันบริจาคคนละเล็กละน้อย โดยเพจที่ตั้งขึ้นมาใช้ชื่อว่า “ล้านเก้า” โดยจะมีการอัพเดทยอดเงินที่ได้รับบริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารทุกครั้ง และล่าสุดจากการตรวจสอบยอดเงินที่ได้รับการบริจาคเข้ามาในบัญชี มีจำนวนเงิน 329,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมกับเงินสดที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันนำมาบริจาคกับตนด้วย โดยเป้าหมายที่จะวิ่งไปให้ถึงโรงเรียนโยธินบูรณะ น่าจะไม่เกินวันที่ 14 เม.ย.นี้ และคาดว่ายอดเงินบริจาคจะได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และหลังจากปิดบัญชีรับบริจาค เราจะแจ้งยอดสุทธิให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง

ติดตามรายละเอียดเพิมเติมที่ เพจล้านเก้า https://www.facebook.com/MillionKao/