posttoday

‘ตัดช่วยใต้’

11 มีนาคม 2560

สังคมที่น่าอยู่และมีความอบอุ่น ก็คือสังคมที่มีการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกัน มีคนที่คิดจะให้มากกว่าคิดที่จะรับ

โดย...อณุสรา ทองอุไร

 สังคมที่น่าอยู่และมีความอบอุ่น ก็คือสังคมที่มีการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกัน มีคนที่คิดจะให้มากกว่าคิดที่จะรับ หรือเรียกว่ามีคนที่มีจิตใจ พร้อมที่จะเป็นจิตอาสานั่นเอง 

 การให้นั้นมีหลากหลายรูปแบบไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้ในรูปแบบของเงินเพียงอย่างเดียว ให้กำลังใจ ให้แรงงานไปช่วยเหลือ

 เช่นเขาและเธอคนนี้ที่ให้คนอื่น ด้วยการเอาวิชาชีพที่ทำอย่างที่เขามีความถนัด ลงไปช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ

 2 ช่างผมดังจากศิษย์อาจารย์คนเดียวกัน คนหนึ่งไปเปิดร้านของตัวเองมีกิจการใหญ่โต จิโร่-ศิรภพพ์ โอคาเบ เจ้าของร้านจิโร่แฮร์ปิ่นเกล้า และยังเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของฟามาร์ซี ครีมทำสีผมชื่อดังจากประเทศอิตาลี

 หลังจากที่เรียนจบจากชลาชล เขาก็ออกไปหาประสบการณ์การเป็นช่างผมอยู่เพียง 2 ปี ก็ประสบความสำเร็จเปิดร้านเป็นของตัวเอง เริ่มมีความมั่นคงในอาชีพและชีวิต เขาก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์ผมชื่อดังอย่างสมศักดิ์ ชลาชล ที่เคยสอนไว้ว่า

 "ถ้ามีแล้วอย่าลืมแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง ใช้วิชาชีพของตนเองให้เกิดประโยชน์กับผู้อื่นบ้าง"

 “หลังจากที่ผมมีร้านทำผมเป็นของตัวเอง การงานเริ่มมั่นคงแล้ว ผมก็เริ่มทำงานจิตอาสาอย่างจริงจังมากขึ้น โดยทุกปีอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง ผมจะพาช่างของที่ร้านบ้านพักคนชรากับบ้านเด็กกำพร้าเพื่อไปตัดผมให้

 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานี่ ทำแบบจริงจังสม่ำเสมอ คือเราใช้แรงใช้วิชาชีพที่เราทำอยู่ก็ไม่ได้ต้องลงทุนเรื่องเงินมากมายนัก คือไม่ได้คิดว่าต้องรอให้รวยก่อนแล้วค่อยให้นะ ถ้ารอรวยก่อนเหลือก่อนก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ทุกวันนี้พอทำได้ก็ทำเลย ช่วยแรงไปก่อน วันข้างหน้าถ้ารวยกว่านี้ก็จะช่วยเงินไปด้วย ทำเท่าที่เราพร้อม พอทำได้ไม่เดือดร้อนหรือเบียดเบียนตัวเองเกินไปทำได้ก็ทำ” จิโร่ กล่าวอย่างตั้งใจ

 โดยงานล่าสุดที่เขาได้ทำ ก็คือการไปงานตัดช่วยใต้ที่เป็นการรวมตัวกันของช่างผมนับร้อยคนจากหลายสถาบัน ที่ไปจัดงานที่สยามพารากอนร่วมกับรายการวู้ดดี้และชลาชลเป็นแม่งาน เพื่อนำเงินรายได้ไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยทางภาคใต้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีช่างผมดังหลายคนมารวมตัวกันตัดการกุศลในราคา 300 บาท การจัดงานวันนั้นได้ยอดเงินบริจาคกว่า 5 ล้านบาท

‘ตัดช่วยใต้’

 “ถ้ามีงานตัดผมช่วยเหลือการกุศลในรูปแบบต่างๆ มีใครขอความช่วยเหลือมาก็จะไปทุกครั้ง ถือว่าใครบอกบุญมาเราต้องรับ” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 นอกจากนั้น เขายังเปิดสอนคอร์สทำผมที่ร้านเขาเองด้วย ซึ่งจะมีนักเรียนที่เป็นช่างจากต่างจังหวัดมาเรียนด้วยบ่อยๆ และแน่นอนที่มีผู้ขาดทุนทรัพย์ในการจ่ายค่าเล่าเรียน เขาก็จะช่วยเรื่องทุนการศึกษาด้วยการไม่เก็บค่าเล่าเรียน

 ถือว่าการให้การศึกษาคือการให้โอกาสคน หรือบางคนมีงบจำกัดช่วงที่มาเรียนไม่มีที่พัก จิโร่ก็ให้ความช่วยเหลือด้วยการให้มานอนที่ร้านของเขาได้

 “ผมว่าการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าเรามีโอกาสก็ทำเถอะครับ คนเรามีไม่เท่ากัน แม้เรื่องเล็กๆ แต่มันจะสร้างโอกาสที่ดีให้กับคนหนึ่งได้ให้เขามีทางรอดในชีวิตมากขึ้น เราช่วยเขาเราก็มีความสุข เขาได้รับความช่วยเหลือเขาก็มีความสุข เขาจะได้มีโอกาสไปช่วยเหลือคนอื่นต่อไป เพราะเขารู้ถึงความงดงามจากการให้แบบเรานั่นเอง” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม 

 ทางด้าน แม็ค-ณัชชาพร หนุนภักดี ช่างทำผมจากร้านชลาชล สาขาพระราม 3 ที่ไปตัดช่วยใต้ในครั้งนี้ เธอเป็นผู้ที่ได้ตัดผมให้กับเฉินหลง ซูเปอร์สตาร์จากฮ่องกงที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

 วันนั้นเธอได้ตัดให้กับผู้มาร่วมบริจาค 10 ท่าน ทุกคนที่มาตัดจะต้องจ่ายค่าตัด 300 บาท แต่บางคนก็บริจาคให้มากกว่านั้น

 “แต่สำหรับเฉินหลงวันนั้นเขาร่วมบริจาคด้วยเป็นล้านเลยมั้งคะ ตัดผมให้เขาประมาณ 15 นาที เขายิ้มแย้มพูดคุยเป็นกันเองดีมาก มีความสุขกันถ้วนหน้า"

 เธอเล่าว่าเป็นช่างทำผมอยู่ที่ชลาชลมา 12 ปี และแน่นอนว่าเธอมักมีกิจกรรมจิตอาสาในการไปช่วยตัดผมเพื่อการกุศลมาตลอด

 ก่อนที่จะไปร่วมงานตัดช่วยใต้ครั้งนี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเธอก็ไปช่วยตัดผมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ท้องสนามหลวงด้วย โดยการตัดให้กับผู้ที่มาร่วมงาน

 “การทำบุญ การทำจิตอาสาด้วยการใช้วิชาชีพของเราเอง เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ได้ใช้เงินมากมาย ใช้เวลา ใช้ความตั้งใจเป็นต้นทุนที่สำคัญ ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ทำมาตลอด ถือว่าเป็นพันธกิจที่เราตั้งใจไปทำกับเพื่อนร่วมอาชีพจากสถาบันอื่นๆ” แม็ค กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 นอกจากไปตัดช่วยใต้แล้ว เธอกับเพื่อนๆ ยังไปช่วยตัดให้กับมูลนิธิต่างๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส หรือมีการขอความช่วยเหลือมา เช่น บ้านราชวิถี บ้านพักคนตาบอด สถานพินิจ โรงพยาบาลต่างๆ อย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง

 “การไปทำจิตอาสาทำแล้วก็รู้สึกดี เวลาเห็นคนที่เราตัดให้เขาแล้วดูเขามีความสุข เราก็อิ่มใจ แล้วก็รู้สึกได้ว่าชีวิตเราก็ดีขึ้น มีความสบายใจ เวลามีปัญหาอะไรก็สามารถผ่านไปได้ทุกครั้ง ถ้าคิดแบบชาวพุทธก็คือผลบุญคงจะช่วยส่งเสริมเราด้วยอีกแรงหนึ่ง เพราะเราทำกรรมดีนะคะ อย่างน้อยชีวิตเราก็มีโอกาสได้ทำความดีมากขึ้น” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม