posttoday

"แพทย์อาสา" สนามหลวง หมุนเวียนดูแลประชาชน 100 วัน

19 ตุลาคม 2559

แพทย์อาสามาจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ทุกคนมาช่วยด้วยจิตอาสาถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

โดย...วิรวินท์ ศรีโหมด

เกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สายธารน้ำใจจากคนไทยจำนวนมากหลั่งไหลท่วมท้นเต็มพื้นที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ไม่เพียงแต่ไปร่วมไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่เสด็จสวรรคต แต่ยังทำหน้าที่จิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนจำนวนมากที่เนืองแน่นกันอยู่ที่ท้องสนามหลวง

“ถึงแม้คนไข้จะมีจำนวนมาก แต่การมาออกหน่วยเพราะทุกคนรักพระองค์ท่าน” คำกล่าวตอนหนึ่งของ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา และเลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งหน่วยบริการประชาชนอีกจุดหนึ่งในพื้นที่ท้องสนามหลวง

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร เล่าว่า จุดประสงค์ที่แพทย์อาสาจากโรงพยาบาลต่างๆ มารวมตัวกันเพื่อให้บริการประชาชน ภายใต้ชื่อโครงการแพทย์อาสาร่วมใจถวายเป็นพระราชกุศล ที่สนามหลวงบริเวณฝั่งตรงข้ามทางเข้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร เพราะทุกคนต้องการทำความดีด้วยใจเพื่อถวายในหลวง และอยากให้สนามหลวงในวันนี้เป็นสถานที่แห่งการรวมน้ำใจของคนที่ทำความดีมาอยู่ร่วมกัน เพื่อบริการและช่วยเหลือประชาชน

หน่วยแพทย์อาสาแห่งนี้ เป็น 1 ใน 10 กว่าหน่วยที่มีอยู่ในพื้นที่สนามหลวง อาทิ แพทย์จากโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ทหารบก แพทย์ทหารเรือ แพทย์ทหารอากาศ รวมถึงแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชน แต่ถึงอย่างไรการทำงานของแพทย์อาสาทุกจุด จะปฏิบัติหน้าที่เชื่อมกับกองอำนวยการทางการแพทย์หลักในพื้นที่ โดยจะดูแลอาการผู้ป่วยเบื้องต้น เช่น ปวดหัว เป็นลม เป็นไข้ ท้องเสีย ผื่นคัน ฯลฯ

รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า แพทย์อาสาทุกคนที่มาช่วยงาน มาจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งไม่ได้รับค่าตอบแทน เพราะทุกคนเข้ามาช่วยด้วยจิตอาสาถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งการจัดคิวรักษาขึ้นอยู่กับความสะดวกของแพทย์แต่ละบุคคล โดยเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา และจะมีไปจนถึงพิธีพระบรมศพครบ 100 วัน โดยบุคลากรทางการแพทย์จะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาบริการประชาชน

"แพทย์อาสา" สนามหลวง หมุนเวียนดูแลประชาชน 100 วัน

ขณะที่ นพ.สาโรช สุวรรณสุทธิ แพทย์อาสาจากโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ถ่ายทอดความรู้สึกให้ฟังว่า เหตุผลที่ออกหน่วยครั้งนี้ เพราะต้องการใช้ความรู้ที่มีให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากต้องการทำดีเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ท่านทรงมีบุญคุณต่อประชาชน ฉะนั้นการทำหน้าที่เพียงแค่นี้ เทียบไม่ได้กับที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชน

“ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นแพทย์ของพระเจ้าอยู่หัว ถ้าสามารถช่วยเหลืออะไรได้ เช่นเดียวกับที่พระเจ้าอยู่หัวทำ ถึงไม่มากเท่า แต่อย่างน้อยขอให้ได้ช่วยเหลือประชาชน ผมก็พร้อมที่จะทำ” นพ.สาโรช กล่าว

นพ.สาโรช กล่าวว่า ตลอดชีวิตการเป็นแพทย์ ส่วนตัวยึดหลักการทำงานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระบิดาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) ที่ทรงสอนว่า ความสำเร็จทางการศึกษาไม่ได้อยู่ในการเรียน แต่อยู่ที่การนำไปปรับใช้ เพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ฉะนั้นควรเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้นถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ที่สามารถทำความดีได้ ควรรีบทำ และการมาออกหน่วยครั้งนี้ เชื่อว่าขอเพียงแค่ทำเพื่อประชาชน อย่างที่พระองค์ท่านได้ทำมาตลอดชีวิตการทรงงาน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ด้าน ปัดตา ขันอาสา อายุ 61 ปี จากกรุงเทพฯ อาชีพแม่บ้าน เล่าให้ฟังว่า ตั้งใจเดินทางมาเพื่อลงนามแสดงความไว้อาลัย  เพราะตลอดชีวิตที่ตนจำความได้ เห็นมาว่าพระองค์ทำเพื่อประชาชนมาตลอด ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ลุยป่า เขา ลำธาร พระองค์ก็ทำด้วยความเต็มใจเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นนี่
จึงเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และรักพระองค์มาก

ส่วนการเดินทางมาวันนี้ด้วยอายุที่มาก ทำให้การเดินยืนบางครั้งไม่เอื้ออำนวย อาจมีการปวดเมื่อยบ้าง แต่เมื่อได้เข้ามาหาหมอที่เต็นท์แพทย์อาสาแห่งนี้ รู้สึกประทับใจที่ได้รับบริการที่ดีจากบุคลากรทางการแพทย์ของพระองค์ ถึงแม้พระองค์จะไม่อยู่ แต่ยังคงทิ้งสิ่งดีที่เป็นประโยชน์ไว้ให้แก่ประชาชนได้คงอยู่ต่อไป

"แพทย์อาสา" สนามหลวง หมุนเวียนดูแลประชาชน 100 วัน

 

"แพทย์อาสา" สนามหลวง หมุนเวียนดูแลประชาชน 100 วัน