posttoday

กทม.แดนอันตรายแท็กซี่ป้ายเก๊เกลื่อนกรุง

07 มีนาคม 2554

เป็นเรื่องยากที่ผู้โดยสารแต่ละคนจะรู้ว่าแท็กซี่ที่เรานั่งโดยสารอยู่นั้นมีอาชญากรแฝงตัวมานั่งเป็น “โชเฟอร์” หลังพวงมาลัยหรือไม่ นั่นจึงทำให้ตำรวจนครบาลต้องเดินหน้าเชิงรุก เพื่อตรวจสอบอย่างเข้มข้น

เป็นเรื่องยากที่ผู้โดยสารแต่ละคนจะรู้ว่าแท็กซี่ที่เรานั่งโดยสารอยู่นั้นมีอาชญากรแฝงตัวมานั่งเป็น “โชเฟอร์” หลังพวงมาลัยหรือไม่ นั่นจึงทำให้ตำรวจนครบาลต้องเดินหน้าเชิงรุก เพื่อตรวจสอบอย่างเข้มข้น

การตรวจสอบครั้งนี้มีขึ้นหลังจากบรรดาหัวปิงปองพบว่าแท็กซี่ที่วิ่งอยู่เกลื่อนถนนเมืองหลวง มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ปลอมแปลงป้ายทะเบียน ซึ่งนั่นนอกจากทำให้บรรดาโชเฟอร์พ้นผิดจากคดีจราจรแล้ว ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่อาชญากรจะใช้ “แท็กซี่ทะเบียนเก๊” ไปก่อคดีสะเทือนขวัญได้

กทม.แดนอันตรายแท็กซี่ป้ายเก๊เกลื่อนกรุง

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ที่รับผิดชอบงานจราจร รู้เรื่องนี้ดีที่สุด เขาพบว่ารถแท็กซี่จำนวนหลายคันที่วิ่งรับผู้โดยสารอยู่ได้ดัดแปลงแก้ไขตัวเลข หรือหมวดอักษรบนแผ่นป้ายทะเบียน ด้วยวิธีการหลากหลายวิธี

เป้าประสงค์หลักของการทำเช่นนั้นก็เพื่อหลบเลี่ยงที่จะถูกจับจากการกระทำความผิดด้วยกล้องวงจรปิด แต่นั่นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับแท็กซี่บางส่วน นำวิธีนี้ไปใช้เพื่อปกปิดตนเอง หลังจากใช้แท็กซี่ที่ปลอมแปลงเลขทะเบียนไปก่ออาชญากรรม ทำชั่ว

จึงมีคำสั่งจาก บช.น.ให้ ตำรวจจราจรกลางและตำรวจจราจรท้องที่รวม 88 โรงพักทั่วทั้งกรุงเทพฯ ลงพื้นที่ออกตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถแท็กซี่ตามอู่จอดแท็กซี่ต่างๆ โดยจะเริ่มจับปรับรถแท็กซี่ที่ดัดแปลงแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียน ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการใช้การขูดลบ ขีดฆ่า หรือทาสีเพิ่มเติมให้ผิดเพี้ยนไปจากแผ่นป้ายทะเบียนจริง ที่จะทำให้ตำรวจจับตัวผู้กระทำความผิดได้ยาก

“อันตรายมากหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ผู้เสียหายไม่สามารถจดจำเลขทะเบียนของรถที่กระทำความผิดได้ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่ตรวจพบว่ามีการลักลอบแก้ไขกันมาก มีทั้งรถแท็กซี่ที่ให้เช่าและรถแท็กซี่ส่วนบุคคล” เขากล่าวพร้อมกับบอกถึงวิธีการปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนของแท็กซี่เหล่านี้

โดยอาจจะใช้วิธีขูดสี ทาสีทับให้มองเห็นเป็นหมวดอักษรตัวอื่น หรือตัวเลขอื่น เช่น จากเลข 8 เป็นเลข 3, เลข 4 เป็นเลข 1 เป็นต้น

พล.ต.ต.ภาณุ บอกว่า ในตอนแรกคิดว่าการปลอมแปลงนั้น น่าจะเกิดจากผู้ขับขี่ แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลภายหลัง คาดว่าเจ้าของอู่แท็กซี่น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย เนื่องจากรถมีคนขับเป็นกะ และคนที่น่าจะได้รับความเดือดร้อนจากหมายเรียกให้มาเสียค่าปรับในกรณีที่แท็กซี่ไปทำผิดกฎจราจรก็คือเจ้าของรถหรือเจ้าของอู่ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ขับขี่ที่แท้จริง และตามกฎหมายก็ระบุให้เจ้าของรถต้องมีส่วนรับผิดชอบในการกระทำความผิดนั้นด้วย

จึงให้สารวัตรจราจรท้องที่ที่มีอู่แท็กซี่จำนวนมากไปตรวจสอบตามอู่ต่างๆ เช่น สน.ปทุมวัน สน.วังทองหลาง และ สน.โชคชัย เป็นต้น

“ทำผิดกฎจราจรยังถือว่าไม่เท่าไหร่ แต่พวกโจรอาจจะดัดแปลงป้ายทะเบียนแล้วไปก่ออาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ข่มขืน อนาจาร ชิงทรัพย์ หรือแม้กระทั่งขนยาเสพติด พวกนี้แม้จะเป็นเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าคดีจราจร แต่ก็นับว่ามีความรุนแรงมาก หากแท็กซี่พวกนี้ถูกนำไปก่อเหตุ ก็จะติดตามคนร้ายได้ยาก เราจึงต้องเร่งตรวจสอบแท็กซี่ทะเบียนเก๊เหล่านี้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายล่วงหน้า” พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว

การปลอมแผ่นป้ายทะเบียนนั่นไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน หรือคุ้มค่ากับที่ลงมือทำ เพราะ พล.ต.ต.ภาณุ บอกว่า หากตรวจพบว่ารถแท็กซี่คันไหนมีการดัดแปลงแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมในทุกกรณี หรือจงใจกระทำผิด จะต้องถูกจับปรับในอัตราโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ เพื่อให้หลาบจำและไม่หวนกลับมาทำอีก

นอกจากนี้จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 265 ฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน จนกระทั่งสูงถึง 5 ปี

“ผมได้สั่งการไปยังตำรวจจราจรทุกท้องที่และตำรวจจราจรกลางให้เข้มงวดกวดขันจับกุมในเรื่องของการแก้ไขดัดแปลงแผ่นป้ายทะเบียน หรือที่ไม่ยอมติดป้ายทะเบียนโดยเฉพาะด้านหลัง ทั้งรถสาธารณะและรถส่วนบุคคลอย่างจริงจัง ไม่เว้นแม้แต่รถทัวร์ รวมถึงรถจักรยานยนต์ที่กระทำความผิดลักษณะเดียวกันด้วย

ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการประชาสัมพันธ์ก่อน จากนั้นในวันที่ 15 มี.ค.เป็นต้นไป จะดำเนินการจับปรับในอัตราขั้นสูงสุดอย่างจริงจัง โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่มีข้อยกเว้นใดๆ อย่างเด็ดขาด” รอง ผบช.น.ทิ้งท้ายเด็ดขาด

ด้าน พ.ต.ท.วิทวัส เข่งคุ้ม สารวัตรจราจร สน.ปทุมวัน พื้นที่หนึ่งที่มีอู่แท็กซี่อยู่ในพื้นที่จำนวนมาก เล่าให้ฟังว่า หลังรับนโยบายมาก็ได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจอู่แท็กซี่แล้ว โดยเฉพาะที่ย่านรองเมือง ก็พบว่ามีแท็กซี่อยู่บ้าง แต่ก็พบเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการทำแผ่นป้ายทะเบียนให้เลอะเลือน

ในส่วนนี้ก็ได้มีการเปรียบเทียบปรับไปบ้างแล้วรายละ 1,000 บาท และได้ชี้แจงกับเจ้าของอู่ให้ตรวจตรารถยนต์ของตนเองด้วยว่าถูกแก้ไข หรือตกแต่งหมายเลขทะเบียนหรือไม่ เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย

“บางคนมีเจตนาปลอมทะเบียนเพื่อนำรถไปทำความผิด บางคนทำเพื่อความสวยงาม เช่น เอาสติกเกอร์สะท้อนแสงมาติด หรือไม่บางพวกก็ทำเพื่อแก้เคล็ดจากตัวเลข รวมทั้งบางคนก็ถือว่าเป็นโชคลาภ เช่น เอาทองคำเปลวมาติดที่เลข 8 นอกจากนี้ยังมีพวกที่ต้องการให้เลขทะเบียนสวย เช่น ทะเบียน 1114 ก็แก้ให้เป็น 1111 หรือ 8883 ก็แต่งให้เป็น 8888” สารวัตรจราจร สน.ปทุมวัน กล่าว