posttoday

สัญญาณลงทุนฟื้น สินเชื่อรายใหญ่ฟื้น

06 มีนาคม 2554

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์พาเหรดปล่อยกู้ให้กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ จากสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวเด่นชัด มีการเซ็นสัญญาปล่อยกู้ลูกค้าขนาดใหญ่ใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรก ปล่อยกู้ร่วมให้บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Product (TCP) ในประเทศอังกฤษ จากบริษัท ทาทาสตีล ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก แบ่งเป็นวงเงินหมุนเวียน 2.39 หมื่นล้านบาท และสัญญาเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.86 หมื่นล้านบาท แก่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ การซื้อครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรีขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กในภูมิภาค

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์พาเหรดปล่อยกู้ให้กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ จากสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวเด่นชัด มีการเซ็นสัญญาปล่อยกู้ลูกค้าขนาดใหญ่ใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรก ปล่อยกู้ร่วมให้บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Product (TCP) ในประเทศอังกฤษ จากบริษัท ทาทาสตีล ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก แบ่งเป็นวงเงินหมุนเวียน 2.39 หมื่นล้านบาท และสัญญาเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.86 หมื่นล้านบาท แก่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ การซื้อครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรีขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กในภูมิภาค

 

สัญญาณลงทุนฟื้น สินเชื่อรายใหญ่ฟื้น

โครงการที่สอง ปล่อยกู้ร่วมให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี โดยธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง วงเงินรวม 4.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสกุลเงินบาท 3 หมื่นล้านบาท และสกุลเหรียญสหรัฐ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อจะนำเงินไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

โครงการที่สาม ปล่อยกู้ร่วมให้กลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทนำเงินไปชำระหนี้คืน (รีไฟแนนซ์) หุ้นกู้ และเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนดในแต่ละปี

ทิศทางการลงทุนลูกค้ารายใหญ่สอดรับกับทิศทางการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น โดยช่วง 2 เดือนแรกปี 2554 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะมีการระดมทุนสูงถึง 44,167 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับทั้งปี 2553 เฉพาะเดือน ม.ค. บริษัทมีการระดมจริงแล้ว 9,214 ล้านบาท และในเดือน ก.พ. คณะกรรมการ บจ. มีมติการระดมทุนทั้งสิ้น 34,953 ล้านบาท

nเงินเฟ้อน่าเป็นห่วง

ด้านปัญหาเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ธนาคารกสิกรไทยเริ่มจับตาแนวโน้มราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หลังจากผู้ประกอบการหลายรายขอกระทรวงพาณิชย์ปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และราคาน้ำมันที่อาจทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง อาจส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนหดตัว

นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ คงจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร หรืออาร์/พี อีกอย่างน้อย 0.25% เป็น 2.50% หลังจากเพิ่งปรับขึ้น 0.25% เป็น 2.25% เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา

nติดเครื่องธนาคารไปรษณีย์

หลังผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งธนาคารไปรษณีย์ ล่าสุดกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตรองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานกรรมการธนาคารไปรษณีย์ เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านไมโครไฟแนนซ์

ด้านแวดวงการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ล้มดีลขายหุ้นบริษัทเงินทุน (บง.) สินอุตสาหกรรม ให้ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยให้เหตุผลติดเงื่อนไขบางอย่างไม่สามารถทำการซื้อขายหุ้นได้ทันวันที่ 28 ก.พ. 2554 จากก่อนหน้านี้มีการตกลงราคาซื้อขายที่หุ้นละ 4 บาท

nแบงก์แข่งดุสินเชื่อปาล์ม

ขณะที่สินเชื่อปาล์มมีการแข่งขันกันดุเดือด เพราะปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ธนาคารพาณิชย์ต่างหันมารีไฟแนนซ์โดยให้ดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้วงเงินสูงสุดถึง 100% ของราคาซื้อขายหน้าตั๋วเงินระยะสั้น (พีเอ็น) ขณะที่ธนาคารกรุงไทยได้ตั้งวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการโรงงานน้ำมันปาล์ม และผู้ประกอบการสวนปาล์มขอสินเชื่อหมุนเวียน

nหุ้นเหวี่ยงตามราคาน้ำมัน

การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการซื้อขายเก็งกำไรสลับกันไปมาระหว่างหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร โดยมีราคาน้ำมันและการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 9 มี.ค. เป็นปัจจัยหนุนทำให้ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้น 1.01% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 995.91 จุด

อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งเริ่มปรับลดเป้าหมายการเติบโตของกำไร บจ. และดัชนีหุ้นของปีนี้ลง หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น โดย บล.กสิกรไทย คาดว่า เป้าหมายดัชนีใหม่คงไม่ต่ำกว่า 1,000 จุด จากเดิมประเมินไว้แถว 1,200 จุด และกำไร บจ.โต 1718% เนื่องจากพลังงานได้รับผลดีจากราคาน้ำมันพุ่ง

ขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กคึกคัก หลังจากบริษัท อาร์เซลอร์ มิตตัล บริษัทผลิตเหล็กใหญ่อันดับ 1 ของโลก เข้ามาซื้อหุ้นบริษัท จีสตีล (GSTEEL) สัดส่วน 40% มูลค่า 7,509 ล้านบาท และจะใส่เงินเข้ามาอีก 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการและแก้ไขหนี้สิน