posttoday

หน้าเด้งผิวขาว ยาเถื่อนขายเกลื่อนเฟซบุ๊ก

22 กุมภาพันธ์ 2554

ยอมรับว่าหวั่นไหวมิใช่น้อยเมื่อสาวๆ ขาวๆ เดินผ่านเข้ามาในรัศมีสายตา และเชื่อว่ามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รวมไปถึงเฒ่าหัวงูอีกเพียบที่ชอบในแนวๆ นี้

ยอมรับว่าหวั่นไหวมิใช่น้อยเมื่อสาวๆ ขาวๆ เดินผ่านเข้ามาในรัศมีสายตา และเชื่อว่ามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รวมไปถึงเฒ่าหัวงูอีกเพียบที่ชอบในแนวๆ นี้

โดย...ธนก บังผล

 

หน้าเด้งผิวขาว ยาเถื่อนขายเกลื่อนเฟซบุ๊ก

ยอมรับว่าหวั่นไหวมิใช่น้อยเมื่อสาวๆ ขาวๆ เดินผ่านเข้ามาในรัศมีสายตา และเชื่อว่ามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รวมไปถึงเฒ่าหัวงูอีกเพียบที่ชอบในแนวๆ นี้

อย่าว่าแต่หนุ่มๆ เลย บรรดาสาวๆ สมัยนี้เองก็อยากที่จะมีผิวขาวโอโม่กันทั้งนั้น บางรายประทินผิวสารพัดสูตรขอร่วมอินเทรนด์กับเขาบ้าง แม้ว่าจะออกโทนผิวสีน้ำผึ้ง (ไหม้) มาตั้งแต่เกิด

แต่ความนิยมไปตามยุคกระแสคลั่งขาว ก็ทำให้เกิดช่องทางผิดกฎหมายให้เหล่ามิจฉาชีพเข้ามาฉกฉวยโอกาส โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์อย่าง “เฟซบุ๊ก” ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว

สาวมหาวิทยาลัยก็กำลังฮิตใช้ช่องทางเฟซบุ๊กเข้าไปเลือกดูสินค้าที่อวดอ้างว่าทำให้ผิวขาวเร็วทันใจ บางรายถึงกับสั่งซื้อเสียเงินกันไปมากมาย โดยรู้ไม่เท่าทันว่านั่นคือธุรกิจผิดกฎหมายจำหน่ายสินค้าเถื่อน

เรื่องมาฉาวเมื่อสาวสวยผู้เสียหายนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ตกเป็นเหยื่อกระแสความขาวเข้าไปสั่งซื้อของบนเฟซบุ๊ก เพียงไม่กี่วันปรากฏว่าผิวหนังอักเสบ

เธอบอกว่าเจ้าของเฟซบุ๊กขายสินค้าความงามเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย รู้จักกันมาก่อน จึงมีการเพิ่มเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กต่อๆ กันมา

“พี่คนนี้หนูรู้จักและก็เคยเห็นตัวจริงพี่เขาสวย พอหนูเข้าไปในเฟซบุ๊ก พี่เขาเห็นมีการขายสินค้าและมีคนมาซื้อเยอะมาก มีคนเข้ามาโพสต์ว่าใช้ได้ผลจริง หนูก็เลยคิดว่าได้ผล เลยสั่งซื้อ คิดว่าคงใช้ดี ได้ผล ขาวจริง”

เธอบอกว่าขั้นตอนการซื้อขายคือเข้าไปคุยกันในกล่องข้อความซึ่งจะเห็นกันแค่ 2 คน เมื่อสอบถามราคาสินค้าที่สนใจแล้ว รุ่นพี่ก็จะส่งเลขบัญชีให้ โดยเธอส่งที่อยู่กลับไป เมื่อโอนเงินเข้าบัญชีก็จะส่ง sms ไปบอก หลังจากนั้นก็จะมีการส่งสินค้ามาที่บ้าน

ครั้งแรกเธอสั่งยาผิวขาว (ยากิน 1,900 บาท) กับยาทาลอกผิว (1,900 บาท) จากราคา 3,800 บาท ได้ลดเหลือ 3,300 บาท ใช้ไป 12 วัน เธอเห็นว่ายังไม่เห็นผล เลยสั่งครีมหน้าเด้งกับอายครีม (ยาทารอบดวงตา) จ่ายเพิ่มอีก 1,800 บาทมาใช้

สั่งสินค้าวันที่ 21 ม.ค. ได้รับสินค้า 24 ม.ค. แล้วทายาในคืนวันที่ 25 ม.ค. ทิ้งไว้ 20 ชั่วโมง ทาอีกครั้งในวันที่ 26 ม.ค. ผ่านไปแค่ 2 วัน คือวัน 28 ม.ค. ผิวหนังก็เริ่มลอก วันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.ผิวเริ่มลอก ถึงวันที่ 1 ก.พ.เป็นแผล เธอบอกว่าที่จำได้แม่นขนาดนี้เพราะแค้น

“มีการขายเยอะมาก หนูเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย มีคนมารีวิวคอมเมนต์ว่าใช้ได้ผล ขาวจริง มีการอัพรูปขึ้นมาเราก็จะเห็นหมด มีการซื้อขายกันทางบีบีด้วย พอสั่งของรอบหลังแค่ไปเมนต์ใต้รูปสินค้าเขาก็รู้เลยว่าเป็นใครเพราะมีที่อยู่เราแล้ว แต่เขาจะไม่ลงราคาไว้ ขายแต่ละคนก็ราคาไม่เท่ากัน เขาบอกว่าหนูเป็นรุ่นน้องเลยลดให้”

ยิ่งไปกว่านั้นคือ รุ่นพี่แอบอ้างว่าเครื่องสำอางและยาที่ขายในเฟซบุ๊กนั้นมี อย.ทุกชนิด ทำให้เธอเชื่อโดยสนิทใจ ประกอบกับราคาสูง จึงคิดว่าของต้องดี

“พี่เข้าใจมั้ย หนูอยากขาว หนูก็เลยซื้อมา แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว ไม่ซื้ออะไรทางอินเทอร์เน็ตอีกแล้ว ปรึกษาแพทย์ดีกว่า ชัวร์กว่า เป็นอะไรขึ้นมาไม่คุ้มเลย หนูยังดีที่ได้เงินคืน ถ้าไม่ได้เงินคืนก็มีแต่เสียกับเสีย อย่างยาทาหน้าที่คลินิกขาย 350 บาท แต่อายครีมของเขาขาย 790 ราคาสูง บอกว่ามี อย. นำเข้าจากต่างประเทศ ตัวเขาเองก็ใช้ หนูก็เชื่อ”

เคราะห์ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนที่ทำให้เธอเข้าใจธรรมชาติเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่เธอสวย และน่ารักอยู่แล้ว ผลจากการซื้อยามาใช้ทำให้อีเวนต์ต่างๆ ที่เธอรับงานเป็นพริตตีต้องบอกผ่าน เพื่อรักษาให้เป็นปกติก่อน

“ที่เคยอยากสวย อยากขาว ตอนนี้หนูคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว ตอนไปหาหมอเอาขวดยาไปให้ดู หมอยังส่ายหัวเลย ถามหนูว่านี่เธอกล้าใช้ได้ยังไง”

ในส่วนคดีความ ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้นำเอาตัวอย่างยาทาและยากินไปให้สำนักงานอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบหาสารที่เป็นอันตราย หากพบก็จะมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ไม่เฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กเท่านั้นที่มีการประกาศขายเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ยาทาผิวขาว ฯลฯ ที่ผ่านมาเคยมีการประกาศขายสินค้าบน hi5 มาหลายปีแล้ว เพียงแต่การร้องเรียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวยังเสียงเบา เพราะคนยังไม่มีความเข้าใจในกฎหมายคอมพิวเตอร์ และกฎกระทรวงพาณิชย์

ในความเป็นจริงยังมีเว็บไซต์เถื่อนหลอกลวงขายสินค้าผิดกฎหมายอีกมากมาย ที่นักศึกษา คนทำงาน เข้าไปสั่งซื้อของแล้วถูกตุ๋นเสียเงิน เสียค่าโง่ แล้วหลบเลี่ยงเปลี่ยนชื่อ

ก็แค่ความขาวที่สาวใฝ่ฝัน และจริงอยู่ที่ว่าความขาวนั้นอาจทำให้หนุ่มหวั่นไหว แต่อุทาหรณ์จากกรณีนี้คงทำให้สาวๆ เลือกซื้อสินค้าอย่างถูกต้อง ถูกกฎหมายมากขึ้น