posttoday

ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์คดีอุ้มทนายสมชาย

21 มกราคม 2554

นาง อังคณา นีละไพจิตร เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อฟังการตัดสินคดีอุ้มทนาย สมชาย แต่ศาลเลื่อน การตัดสินไปในวันที่ 7 กพ.เหตุจำเลยเดินทางมาไม่ครบ

นาง อังคณา นีละไพจิตร เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อฟังการตัดสินคดีอุ้มทนาย สมชาย แต่ศาลเลื่อน การตัดสินไปในวันที่ 7 กพ.เหตุจำเลยเดินทางมาไม่ครบ

ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีอุ้ม นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 ซึ่ง นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา รวมทั้งบุตร 4 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อายุ 49 ปี อดีต สว.กอ.รมน.ช่วยราชการกองปราบปราม, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อายุ 42 ปี อดีตพนักงานสอบสวน กก.4 ป., จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อายุ 40 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กก.2 บก.ทท., ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อายุ 38 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 ป. และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก.3 ป.เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิด ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนคดีบุคคลสาบสูญของศาลจังหวัดปทุมธานี ซึ่ง ญาติ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องไว้ โดยระบุว่า พ.ต.ต.เงิน หายสาบสูญในเหตุการณ์คันกันน้ำถล่ม ที่เขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2551 อีกทั้ง ยังไม่สามารถส่งหมายนัดให้จำเลยที่ 1 มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ จึงให้เปลี่ยนวิธีการส่งหมาย โดยใช้วิธีติดประกาศหน้าศาลอาญาภายใน 15 วัน และให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ทราบหมายโดยชอบแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้ง วันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.

หลังทราบการเลื่อนพิจารณา นางอังคณา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ตนถูกข่มขู่คุกคามโดยการโทรศัพท์มาที่บ้าน และเคยมีผู้นำกระดูกชิ้นใหญ่มาวางไว้หน้าบ้านอีกด้วย ในส่วนคดี พ.ต.ต.เงิน เป็นบุคคลสาบสูญนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นโจทก์ร่วม จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาล ไม่ให้มีคำสั่งให้ พ.ต.ต.เงิน เป็นบุคคลสาบสูญ โดยหากยังไม่พบศพก็น่าไม่เชื่อว่า พ.ต.ต.เงิน ได้เสียชีวิตแล้ว

สำหรับคดีนี้ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2549 ว่า การกระทำของ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 เป็นความผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักสุด ม.309 วรรคแรก พิพากษาจำคุก 3 ปี ส่วนความผิดฐานปล้นทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกขับรถนายสมชาย ไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 เพื่ออำพรางหลบหลีกการสืบสวนจับกุม ไม่แสดงให้เห็นเจตนาว่า พวกจำเลยประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้นำทรัพย์สินไปจริงหรือไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2-5 พิพากษายกฟ้อง ต่อมา อัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย