posttoday

คนกรุงเฮ! คิกออฟนำร่องให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 40 คันแรก ดีเดย์ 20 ส.ค.นี้

19 สิงหาคม 2565

เฮ คนกรุงฯได้ใช้รถเมล์ใหม่’คมนาคม’จับมือ ‘ไทย สมายล์ บัส’นำร่องให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า สาย8 เริ่มให้บริการวันแรก 20 ส.ค.นี้ นำร่อง 40 คันแรก แพลนใช้ E- ticket เต็ม100% เดือน ก.ย.นี้

19 ส.ค.2565-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการ เดินรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (EV) สาย 2-38 (สาย 8 เดิม)จากบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ว่า นับเป็นโอกาสสำคัญของการเปลี่ยนแปลงระบบรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย ที่เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมประเทศด้วยนวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาฝุ่น pm 2.5 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตั้งเป้าว่าในอนาคต จะขับเคลื่อนนโยบายนำรถเมล์ไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลครบจำนวน 237 เส้นทาง ซึ่งสาย 8 เป็นสายแรกที่เริ่มนำร่องในแผนปฏิรูป โดยจะมีการประเมินผลปัญหาอุปสรรคการให้บริการในระยะเวลา 2 เดือน(60 วัน) ว่ามีเรื่องใดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อตอบโจทย์ในการให้บริการขับเคลื่อนเป้าตามแผน โดยนำรถอีวี มาวิ่งให้บริการครอบคลุม 5,000 คันในระยะเวลา 3 ปี ในส่วนของ ขสมก. มีแผนนำรถEV มาวิ่งให้บริการปีนี้ 400 คัน อยู่ระหว่างการจัดทำ TOR และรอองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเกิดความโปร่งใส นอกจากนี้ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้บริการสาย 8 ได้ตามสิทธิเช่นเดิม

“การนำรถมาให้บริการประชาชนจะ เกิดความสะดวก มีปริมาณรถมีเพียงพอ ไม่ต้องรอรถนาน รถที่นำมาให้บริการเป็นรถปรับอากาศ มีความสะอาด รถทุกคันใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษ ลด PM2.5 ลดควันดำ ไม่ทำลายบรรยากาศ ไม่ทำร้ายประชาชน และมีความประหยัด ราคาค่าโดยสาร 15-20-25 บาท ตามระยะทาง เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือบริษัทให้จัดเก็บค่าโดยสาร เริ่มต้น ที่ 10 บาท สำหรับ ผู้โดยสารที่มี บัตรสวัสดิการ คนจน เพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนของประชาชาชนที่มีรายได้น้อย จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. นี้เป็นอย่างน้อย “นายศักดิ์สยาม กล่าว

ด้าน นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด เปิดเผยว่า ในเฟสแรกบริษัทฯ มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 153 คัน ซึ่งจะทยอยนำมาวิ่งให้บริการล็อตแรก 40 คัน เริ่มวันที่ 20 ส.ค.นี้ และจะนำออกมาวิ่งครบทั้งหมดภายในเดือนส.ค.นี้ พร้อมติดตั้งตู้ชาร์ตแบบฟาสต์ชาร์ต กำลังไฟ 310 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์ตหนึ่งครั้ง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือวิ่งได้ 4 รอบ 280 กม.ต่อวัน ซึ่งมีกระจายตามอู่ต่างๆ ทั้ง 8 อู่ อู่ละ 20 หัวชาร์ต ครอบคลุม 71 เส้นทางที่บริษัทฯได้รับสัมปทาน มีแผนเปิดให้บริการ ภายในปี 2565

นอกจากนี้ รถทุกคันได้ติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสารแบบ E-Ticket ซึ่งจะเริ่มใช้ 100% ได้ในเดือนก.ย.นี้ ควบคู่กับการใช้เงินสด โดยเป็นการเติมเงินไม่จำกัดขั้นต่ำ ผ่านระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อเตรียมพร้อมเชื่อมต่อการเดินทาง แบบระบบเครือข่าย “รถ-เรือ-ราง” ครบวงจร ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมพนักงานขับรถ ซึ่งเรียกว่ากับตันเมล์ และพนักงานต้อนรับบนรถโดยสาร ที่เรียกว่าบัสโฮสเตสให้มีความรู้ ความชำนาญในเส้นทาง และมีจิตวิญญาณของการให้บริการ คำนึงถึงความปลอดภัย ด้วยสโลแกน“เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ” โดยเก็บค่าโดยสารตามเดิม คือ 15 , 20 และ 25 บาท ขณะเดียวกันได้รับพนักงานจากสาย 8 เดิม มา ทำงานด้วยราว 15% ที่ผ่านการอบรม เพราะบางส่วนยังทำงานกับรถเมล์ร้อนที่ยังให้บริการอยู่

ทั้งนี้โดยจะเริ่มเดินรถในเดือนส.ค.2565 จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ สายที่ 8 แฮปปี้แลนด์ – ท่าเรือสะพานพุทธ สายที่ 1 พระราม 3 – ท่าเตียน สายที่ 82 ท่าน้ำพระประแดง – บางลำพู สายที่ 34 บางเขน – ถนนพหลโยธิน – หัวลำโพง และสายที่ 17 พระประแดง – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และในเดือนกันยายนจนถึงปลายปี 2565 จะสามารถทยอยนำรถใหม่มาให้บริการในเส้นทางต่าง ๆ ได้ครบทั้ง 77 เส้นทาง จำนวน 972 คัน

และยังมีผู้ประกอบการขนส่งรายที่ได้รับใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ จำนวน 278 คัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,250 คัน และในส่วนของเส้นทางการเดินรถโดยสารทั้งหมด 237 เส้นทางในกรุงเทพมหานครจะดำเนินการเปลี่ยนเป็นรถ อีวี ให้ครบทั้งหมดในระยะต่อไป