posttoday

ชัชชาติเลื่อนขึ้นค่าเก็บขยะ 1 ปี

12 กรกฎาคม 2565

(11 ก.ค.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า เตรียมเสนอให้สภากทม.พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 29 ส.ค.นี้จากเดิมจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้จาก 20 บาทเป็น 80 บาท

นายชัชชาติ กล่าวว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ได้เสนอการพิจารณากำหนดวันบังคับใช้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.2562 เนื่องจากปัจจุบันกทม.ใช้งบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี ในการจัดการขยะ แต่สามารถจัดเก็บค่าขยะได้เพียง 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากหากเทียบกับค่าจัดการขยะ

ดังนั้นจึงจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) ในวันที่ 29 ส.ค. นี้ เพื่อขอความเห็นชอบการเลื่อนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บขนสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยอัตราใหม่ จาก 20 บาท เป็น 80 บาท ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 1 ต.ค. 65 ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากเกรงว่าจะไปซ้ำเติมประชาชนด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ ทั้งนี้เห็นว่าควรลดต้นทุนในการจัดการขยะ ที่กทม.ต้องใช้งบประมาณหมื่นล้านต่อปี มากกว่าการไปเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม โดยการรณรงค์แยกขยะ ด้วยแนวคิดขยะเป็นทองคำ โดยการเพิ่มแรงจูงใจ ในการแยกขยะ ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลและใช้ประโยชน์หรือนำไปขายได้ เชื่อว่าหากมีการคัดแยกขยะ จะสามารถลดค่าจัดการขยะที่กทม.ต้องเสียปีละ 8,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าหากมีการเลื่อนการจัดเก็บขยะครั้งนี้ออกไปอีก 1 ปี ในวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. 4 ปีนี้ จะมีการจัดเก็บตามอัตราใหม่หรือไม่ เพราะแม้จะมีการจัดเก็บค่าขยะอัตราใหม่ แต่ยังไม่เพียงพอต่อค่าบริหารจัดการขยะ ซึ่ง กทม.ยังต้องใช้จ่ายงบประมาณในการบริหารจัดการขยะปีละหลายพันล้านบาท

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบัน กทม.จัดเก็บค่าขยะได้ประมาณ 600 ล้าน ขณะที่ ค่าบริหารจัดการขยะ กทม.ต้องใช้งบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี จึงอยากให้โฟกัสเรื่องการลดค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะการขึ้นค่าจัดเก็บขยะเป็นภาระของประชาชน ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่รัฐต้องให้บริการพื้นฐานอยู่แล้ว

ทั้งนี้ หากมีการจัดเก็บค่าขยะอัตราใหม่ จะทำให้มีรายได้ในส่วนนี้ จาก 500 ล้าน เป็นประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ประชาชนต้องจ่ายมากขึ้น ซึ่งประชาชนอาจมีข้อจำกัดมากกว่าภาคเอกชน หากเราประกาศขึ้นค่าขยะอัตราใหม่ภาคเอกชนสามารถขายขยะ หรือรีไซเคิลขยะได้มีประสิทธิภาพมากกว่า อาจทำให้ขยะลดน้อยลงด้วย โดยตัวเลขปัจจุบัน ค่าขยะมาจากบ้านเรือนประชาชน คอนโด ที่อยู่อาศัย ประมาณร้อยละ 60 มองว่าประชาชนที่มีศักยภาพในการรีไซเคิลขยะหรือนำขยะไปขายได้น้อยกว่าภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ รูปแบบการจัดเก็บขยะที่เลื่อนการจัดเก็บตั้งแต่ปี 2562 ยังนับน้ำหนักขยะเป็นหลัก ไม่ได้คิดถึงแรงจูงใจในการบริหารจัดการขยะ เช่นการคัดแยกขยะ จึงต้องคิดให้รอบคอบเรื่องข้อบัญญัติการจัดเก็บขยะอีกครั้งหนึ่ง