ถึงสมุยแล้ว!! ‘โจ ลูวิส’ เจ้าของทีมท็อตแนมฮอตสเปอร์ ขับซุปเปอร์ ยอชต์ เที่ยวไทย รับเปิดประเทศ

นายอรุณ  บุปผะโก ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุยมอบหมายให้นายเดชฤทธิ์ หิรัญชาติ เจ้าพนักงานตรวจท่าปฏิบัติการ ร่วมตรวจบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปดำเนินการตรวจและอำนวยความสะดวกเรือ Super Yachts ชื่อ Aviva สัญชาติเรือหมู่เกาะเคย์แมน หมายเลขทะเบียนเรือ 747125 นำผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 7 คนและลูกเรือ จำนวน 30 คน ขอเดินทางเข้าประเทศไทยเข้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวเกาะสมุย 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเอกสาร และใบสำคัญรับรองต่างๆ อาทิ ประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ หนังสือคนประจำเรือ พบว่าใบสำคัญรับรองต่างๆยังไม่ขาดอายุ ตัวเรือและอุปกรณ์ประจำเรืออยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ผู้โดยสาร ลูกเรือและผู้ควบคุมเรือทั้งหมด 37 คนได้รับการฉีดวัคซีนครบตามมาตรการของ ศบค.และมีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศต่างๆถูกต้อง โดยมีนายโจ ลูวิส (Jo Lewis) อายุ 85 ปี นักธุรกิจชาวอังกฤษ ผู้ถือหุ้นใหญ่เจ้าของทีมฟุตบอล ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมชั้นนำพรีเมียร์ลีกอังกฤษ  พาครอบครัวเดินทางมาพักผ่อนเป็นการส่วนตัวอยู่บนเรือ โดยเรือ มีขนาด 7 ชั้น ความยาว 68 เมตร (223 ฟุต) กว้าง 12.3 เมตร ขนาด 1,845 ตันกรอส ความเร็ว 16.50 นอต

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19  นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำพร้อมติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้มีการรายงานกรณีเกิดข้อติดขัดเพื่อให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นการให้ความเชื่อมั่นพร้อมรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีแผนงานที่รัดกุมเพื่อดูแลตอบโต้กับสถานการณ์โรคระบาดควบคู่ไปกับความปลอดภัยของประชาชน

อย่างไรก็ตามคณะนักท่องเที่ยวของนายโจ ลูวิส ถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ายังเกาะสมุยโดยเรือยอชต์ จากมาตรการเปิดประเทศของรัฐบาล ที่ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 ประเทศไทยมีการยกเลิกระบบ Test & Go ในการเดินทางเข้าประเทศสำหรับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ ถือเป็นโอกาสอันดีของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และประเทศไทย ที่นายโจนำครอบครัวมาพักผ่อนและท่องเที่ยวในประเทศไทย เกาะสมุยและเกาะต่างๆในประเทศไทยถือว่ามีความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและการคมนาคมอย่างยั่งยืน