ผบช.ก.ยันไม่มีการจับกุมพระคนกลาง-ปมกาโต๊ะยืมเงินวัดเป็นความผิดสำเร็จ

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.กล่าวถึงกรณีพระดอนที่เป็นตัวกลางรับเงินไปจ่ายให้ “สีกาตอง” และ “นักข่าว” กรณีอดีตพระกาโต๊เสพเมถุนบนสันเขื่อน ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. และพ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.จัดกำลังชุดสืบสวนกองปราบปราม ลงพื้นที่ติดตามตัวแล้ว หลังพบว่ามีหมายจับคดีค้างเก่าติดตัว พร้อมยืนยันถึงกระแสข่าวที่ว่าตำรวจสอบสวนกลางมีการจับกุมตัวได้แล้วนั้นไม่เป็นความจริง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวน กก.5 บก.ปปป. อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรรมการวัด , ไวยาวัจกร และพระลูกวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช และ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อดูข้อมูลรายละเอียดต่างๆ รวมถึงกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินของวัด ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 วันนี้ ว่ามีใครเข้าข่ายความผิด ข้อหาใดบ้าง

พระเบิกเงินแล้วนำมาคืนถือเป็นความผิดสำเร็จ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับการเบิกจ่ายเงินวัดของอดีตพระกาโตะถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว แม้จะมีการนำเงินมาคืนก็ตาม เพราะถือว่าเงินวัดเป็นของส่วนรวมที่ไม่สามารถให้ใครนำไปใช้ส่วนตัวได้ เรื่องดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เป็นการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งอดีตพระกาโตะ ได้เอาเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว เจ้าหน้าที่พิจารณาเบื้องต้นเข้าข่ายความตามมาตรา 147 คือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ กรณีที่มีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าอาวาส แต่ถ้าไม่มีหนังสือแต่งตั้งรักษาการจะเอาวาสก็จะเข้าข่ายข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบว่ามีใครให้การสนับสนุนอดีตพระกาโตะในการนำเงินดังกล่าวออกมาหรือไม่

ผบก.ปปป. กล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนอาจจะต้องเรียก “สีกาตอง” มาให้ปากคำด้วย เพราะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย อดีตพระกาโตะอาจจะเป็นเหยื่อก็ได้ เพราะว่ากรณีนี้เป็นการเข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ ที่วางแผนเพื่อจะมารีดทรัพย์หรือไม่

ดังนั้นทั้ง “อดีตพระกาโตะ” และ “สีกาตอง” หากบริสุทธิ์ใจก็ควรที่จะมาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการให้ตรงไปตรงมา ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย