posttoday

พนักงานบริการขอขึ้นค่าตัว2เท่าดีเดย์วันแรงงานสากล

29 เมษายน 2565

นักการเมือง-ข้าราชการหนาวแน่ พนักงานบริการประกาศขึ้นค่าตัว 2 เท่า เหตุไม่เห็นความเดือดร้อนคนจน ดีเดย์วันแรงงานสากล

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 กลุ่มพนักงานบริการในหลายพื้นที่ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง กรุงเทพฯ สมุทรสาครอุดรธานี มุกดาหาร พัทยา ภูเก็ต กระบี่ ในนามของมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ได้ออกแถลงการณ์ประกาศขอขึ้นค่าแรงหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าค่าตัวสำหรับนักการเมืองและข้าราชการเพิ่มเป็นสองเท่าโดยให้เหตุผลว่าในเวลาที่พนักงานบริการเดือดร้อน คนเหล่านี้กลับมองไม่เห็น ทั้งๆที่ใช้ภาษีของประชาชน

นางสาวทันตา เลาวิลาวัณยกุล ผู้ประสานงานมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่าพวกตนรวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมปกป้องสิทธิของพนักงานบริการ โดยสมาชิกในกลุ่ม คือ คนทำงานบริการในสถานบริการ บาร์ คาราโอเกะ อะโกโก้ อาบอบนวด นวดสปา และคนทำงานในพื้นที่อิสระ รวมไปถึงบนแพรตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความปลอดภัยในการทำงาน และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติและตีตรา

นางสาวทันตากล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ มกราคม ปี 2563 จนกระทั่งปัจจุบัน มีการเยียวยาจากภาครัฐที่พนักงานบริการไม่สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด 120วัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กต้องปิดตัวลง พนักงานถูกไล่ออก เกิดภาวะตกงานทั่วประเทศ อีกทั้งการบริหารจัดการแก้ไขของรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพและล่าช้า แม้ว่ารัฐบาลจะได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วยเหลือประชาชน เช่น โครงการเราชนะ เราไม่ทิ้งกัน เรารักกัน หรือเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม ซึ่งพบว่าเงินเยียวยาไม่เพียงพอ ไม่ทั่วถึง บางมาตรการก็เข้าไม่ถึงโดยเฉพาะพนักงานบริการที่ไม่มีประกันสังคมมีถึง 95% รวมไปถึงพนักงานบริการที่เป็นแรงงานข้ามชาติหรือชาติพันธุ์

พนักงานบริการขอขึ้นค่าตัว2เท่าดีเดย์วันแรงงานสากล

พนักงานบริการระบุว่า ผลกระทบที่เกิดกับพนักงานบริการที่มีมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง คือ ตกงานไม่มีรายได้ จากการถูกสั่งปิดร้าน มีภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ให้เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น อีกทั้งรัฐมีคำสั่งให้ปิดสถานบริการจนถึงปัจจุบัน แต่การเยียวยาที่ไม่เพียงพอ รัฐบาลไม่มีแนวทางช่วยเหลือและแก้ปัญหาอย่างชัดเจน เห็นชัดว่าว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลยซึ่งถือว่าเป็นการทำงานที่ผิดพลาด ความล่าช้าของรัฐบาล ไม่เพียงส่งผลกระทบกับพนักงานบริการเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวของพนักงานบริการ ซึ่งพนักงานบริการ 80% เป็นแม่ เป็นหลักของครอบครัวซึ่งต้องดูแลคนในครอบครัว

“วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานสากล พวกเราในฐานะแรงงานหนึ่งในวงล้อเศรษฐกิจของประเทศ ในยุคข้าวยากหมากแพงที่ทุกอย่างขึ้นราคา เราขอประกาศขึ้นค่าแรงของพวกเราเป็นสองเท่าสำหรับนักการเมือง และข้าราชการไทย เพราะเงินเดือนของบุคคลเหล่านี้ล้วนมาจากภาษีของพวกเรา แต่ในเวลาที่เราเดือดร้อนกลับทำเป็นมองไม่เห็น เราจะขึ้นค่าแรง จนกว่ารัฐบาลจะชดเชยให้กับพนักงานบริการ และยกเลิกความผิดทางอาญากับเรา ทั้งนี้เครือข่ายพนักงานบริการในหลายประเทศทั่วโลกได้เห็นชอบ และตอบรับร่วมแคมเปญนี้กับเราแล้ว”นางสาวทันตา กล่าว