ดีเอสไอขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการลวงหญิงไทยค้าประเวณีดูไบ

นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีสถานกงสุลใหญ่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไดประสานมายังดีเอสไอให้ช่วยเหลือหญิงไทยซึ่งถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า จึงมอบหมายให้กองคดีการค้ามนุษย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการหน่วงเหนี่ยว กักขัง ยึดหนังสือเดินทางไว้เรียกค่าไถ่ และบังคับหญิงไทยให้ค้าประเวณีจริง จึงให้สืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 42/2563 ซึ่งที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการ ได้ร่วมสอบสวน รวบรวมพยาน หลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทยและคนต่างชาติ จำนวน 6 ราย โดยผู้ต้องหาตามคดีพิเศษนี้ได้ถูกจับกุมไปแล้ว1 ราย เมื่อเดือนพ.ย. 64

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาหญิงไทยอีก1 ราย ได้ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา ตามหมายจับศาลอาญาในคดีพิเศษที่ 42/2563 โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวอยู่ขบวนการหลอกลวงเพื่อจัดหาหญิงไทยส่งไปให้ชาวต่างชาติในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีพฤติการณ์นำไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อบังคับค้าประเวณีที่ร้านนวดแอบแฝงบริการทางเพศ หรือสถานค้าประเวณี มีความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ดีเอสไอจะขยายผล เพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งคนไทยและคนต่างชาติเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป

"ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อบุคคลแอบอ้างเป็นนายหน้าหางาน ที่ชักชวนไปทำงานร้านนวดแผนไทยในต่างประเทศแล้วอ้างว่ามีรายได้ดีไม่มีการบังคับให้ขายบริการ ไม่ว่าจะเป็นประเทศ เกาหลี มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และราชอาณาจักรบาห์เรน ต้องตรวจสอบให้ดี หากใครมีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ติดต่อกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน หรือมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งมายังสายด่วนดีเอสไอไอ 1202 ซึ่งข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ"อธิบดีดีเอสไอ กล่าว