posttoday

"อนุพงษ์"ย้ำผู้ว่าฯเร่งสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนลดอุบัติเหตุ

14 กุมภาพันธ์ 2565

รมว.มหาดไทยเรียกประชุมร่วมผู้ว่าฯทั่วประเทศหารือการสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนนผู้ขับขี่ ย้ำขับเคลื่อนการทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในระดับพื้นที่ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ปรึกษาระดับกระทรวง อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ร่วมประชุม ณ ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเต็ล อะ ลักชัวรี โฮเต็ล แบ็งค็อก เขตปทุมวัน

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1 มาตรการการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากกรณีรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนนบริเวณทางข้าม แม้ว่าในขณะนี้ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง แต่ก็ยังคงพบการกระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมายในการใช้รถใช้ถนนในหลายจังหวัด ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและกทม.ต้องใช้กลไกในพื้นที่ ทำให้คนใช้รถใช้ถนนมีจิตวิญญาณหรือวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนน รณรงค์ให้ประชาชนมีวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก เยาวชนในสถานศึกษา เพื่อสร้างจิตสำนึกและนำไปพูดคุยทำความเข้าใจกับคุณพ่อ คุณแม่ สมาชิกในครอบครับที่ขับรถ 2.การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ ผ่านการสอดส่องดูแล ติดตาม และสำรวจราคาสินค้าและโภคภัณฑ์ในพื้นที่ซึ่งสะท้อนถึงค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามราคาสินค้าและโภคภัณฑ์ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบการขึ้นราคาสินค้าเกินกำหนด หรือพบการกักตุนโภคภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

"อนุพงษ์"ย้ำผู้ว่าฯเร่งสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนลดอุบัติเหตุ

3.การจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และแนวทางที่กำหนดเพื่อประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น 4.การจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยต้องเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดไฟป่า หมอกควันในพื้นที่ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทิศทางลม การเกิดจุดความร้อน (Hotspot) พร้อมทั้งทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุ ปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยง แบ่งพื้นที่รับผิดชอบถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน บูรณาการซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดการเกิดมลพิษจากแหล่งกำเนิด ทั้งยานพาหนะ การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและมีส่วนร่วมตามมาตรการภาครัฐ ลด ละ เลิก การเผาป่า การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ภาคก่อสร้างปฏิบัติตามกฎหมาย ภาคอุตสาหกรรมตรวจสอบและติดตั้งอุปกรณ์กรองอากาศ และคนใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ช่วยกันตรวจสอบสภาพรถ เพื่อไม่ให้ปล่อยควันเสียที่เผาไหม้ไม่หมด 5.การเตรียมการรับมือภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำ โดยเฝ้าระวัง ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณฝนที่ตก และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการของจังหวัด กำหนดแนวทางการใช้น้ำในลักษณะต่าง ๆ ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การเกษตร และอุตสาหกรรม ตลอดถึงแนวทางการระบาย และกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ตามแหล่งน้ำขนาดต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่

6.การดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ผ่านกลไกนายอำเภอในฐานะประธานกรรมการ ศจพ.อำเภอ หากพบว่าครัวเรือนประชาชนประสบปัญหาเรื่องใด ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยงานที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ดำเนินการแก้ไขทันที เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า และประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาตรงจุด 7.การแก้ปัญหาสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสวยงาม อันเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของพื้นที่อำเภอ จังหวัด และเป็นการป้องกันอันตรายของประชาชนจากสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าที่รกรุงรังอีกด้วย 8.การแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากสภาพพื้นผิวถนนขรุขระและชำรุดเสียหาย โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหาสภาพถนนที่ชำรุดเสียหาย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและบรรเทาผลกระทบจากความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน โดยขับเคลื่อนการทำงานและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านต่าง ๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อันจะทำให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และความผาสุกกับประเทศชาติ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่าน ได้ช่วยกันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย อุดหนุนประชาชนผู้ประกอบการทอผ้าซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คนไทยด้วยกันซื้อผ้าไทย อุดหนุนผ้าไทย จะกลับคืนสู่ประชาชนคนไทยด้วยกัน เศรษฐกิจฐานรากจะเข้มแข็ง และเป็นการต่อลมหายใจ สร้างคุณค่าผ้าไทยให้ได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอด อย่างยั่งยืนตลอดไป” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

ข่าวล่าสุด

ประเสริฐยันจบด้วยดี “ไชยา” ลาเพื่อไทยเหตุจำเป็นการเมือง