posttoday

มีผลแล้ว!!ประกาศคลายล็อกจัดฉลองปีใหม่ ดื่มเหล้าได้ถึงตี 1

16 ธันวาคม 2564

ราชกิจจาฯ ประกาศ คลายล็อกสถานการณ์โควิด จัดฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อนุญาต ให้ดื่มสุราได้ ตั้งแต่ วันที่ 31 ธ.ค. 64 ถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ม.ค.65 เปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเพิ่มเติมเป็น 26 จังหวัด

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 40 ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ นั้น

โดยที่แนวโน้มของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ได้คลี่คลายลงตามลำดับ ด้วยการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีระดับคงที่และมีแนวโน้มลดลง อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้รับรายงาน จากฝ่ายสาธารณสุขว่า สถานการณ์ด้านยาและเวชภัณฑ์ในปัจจุบัน ตลอดจนจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วย และผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับที่เพียงพอ

อีกทั้งการดำเนินการตามแผนให้บริการวัคซีนที่คาดว่าจะบรรลุเป้าหมาย การฉีดวัคซีนในประเทศครบจำนวนหนึ่งร้อยล้านโดสได้ภายในปีนี้ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มประชากรที่มี ความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรงเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด ประกอบกับในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นห้วงเวลาสำคัญที่ประชาชนจะได้มีการจัดงานตามประเพณีท้องถิ่นและทางศาสนา งานรื่นเริง ตามประเพณี งานเลี้ยง การพบปะสังสรรค์ การท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนมาก เพื่อจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

รัฐบาลโดยข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุข จึงมีนโยบายเพื่อการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ของโรค ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ประกอบการ ผู้รับผิดชอบจัดงาน ผู้ร่วมงาน และประชาชนทั่วไป ต้องร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งรัฐบาลจะได้ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งอาจจะได้ มีการปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสมต่อไป เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่กับการบริหารจัดการ ด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการรบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด – 19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้

ข้อ1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ให้ ศบค. มีคำสั่งปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ และกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจของรัฐบาล โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กำหนดไว้สำหรับพื้นที่สถานการณ์ ระดับต่างๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ ข้อกำหนดนี้

ข้อ 2 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการ ควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้ง มาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุม แบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดขึ้นภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงมีผล ใช้บังคับต่อไป ในส่วนของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงาน ของรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาเพื่อดำเนินมาตรการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่นอกสถานที่ตั้งหน่วยงานตามความเหมาะสม และเพื่อการเฝ้าระวังป้องกันการระบาด ของโรคภายหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงให้ดำเนินมาตรการนี้ต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565

ข้อ3 การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการทั่วราชอาณาจักรเป็นกรณีเฉพาะช่วง เทศกาลปีใหม่ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณากำหนดให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม ดังต่อไปนี้

สามารถดำเนินการได้ เป็นกรณีเฉพาะเพื่อเทศกาลปีใหม่ ภายใต้เงื่อนไขของมาตรการความปลอดภัยที่รัฐบาลได้ยกระดับขึ้น เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคเป็นการเฉพาะ

(1) ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วราชอาณาจักร เฉพาะที่ร้านที่มีพื้นที่เปิดที่อากาศ สามารถระบายถ่ายเทได้ดี สามารถเปิดให้บริการเพื่อการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในร้านได้เป็นกรณีเฉพาะเพื่อเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตามเวลาเปิดทำการปกติในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จนถึงเวลา 01.00 นาฬิกา ของวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565

(2) สถานที่จัดกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลเป็นจำนวนมาก ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจัดงาน จัดให้มีการปฏิบัติตามมาตรการคัดกรองเพื่อลด ความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน ดังนี้

ก. การจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคล รวมจำนวนไม่เกินหนึ่งพันคน ให้ผู้จัดงาน หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประสานส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดให้มีการคัดกรอง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยให้เข้าร่วมได้เฉพาะผู้ที่แสดง หลักฐานว่าบุคคลนั้นได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ที่ทางราชการกำหนด

ข. การจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคล รวมจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนขึ้นไป ให้ผู้จัดงานหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประสานส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดให้มีการคัดกรอง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยให้เข้าร่วมได้เฉพาะผู้ที่แสดงหลักฐานว่าบุคคลนั้นได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ที่ทางราชการกำหนด ควบคู่กับหลักฐานแสดงผลการตรวจที่ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนการเข้าร่วมกิจกรรม โดยชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SAR -CoV – 2 (เชื้อก่อโรค COVID – 19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ชุดตรวจ ATK ) (3) สถานที่หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาด ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่ รับผิดชอบ ดำเนินมาตรการความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการได้กำหนดยกระดับขึ้น เป็นการเฉพาะด้วย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอดส่อง เฝ้าระวัง และติดตามการดำเนินมาตรการของผู้ประกอบการ และผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่และการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมและ ป้องกันโรคที่รัฐบาลได้กำหนดยกระดับขึ้น หากผู้ร่วมงานหรือประชาชนพบว่าการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ผ่อนคลายให้สามารถดำเนินการได้นี้ มิได้ปฏิบัติตามหรือย่อหย่อนการดำเนินการมาตรการ ป้องกันและควบคุมโรคที่ทางราชการกำหนดซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อน สามารถ แจ้งข้อมูลเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตักเตือน และให้คำแนะนำเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ก่อนที่จะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายต่อไปได้

ข้อ 4 การปรับปรุงการกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ในการจัดการ คัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การควบคุมและการป้องกันมิให้เกิดการระบาดของโรค ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดในปัจจุบันและนโยบายการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้ยกเลิกความในข้อ 1 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 12) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ 3 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ข้อ 1 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 26) ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564 และข้อ 7 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 36) ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “การกำหนดประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทำงเข้ามาในราชอาณาจักรและหลักเกณฑ์ การดำเนินการในสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้เป็นไป ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) กำหนด โดยแบ่งตามประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับ ความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล

(2) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบาย ของรัฐบาล

(3) ผู้มีเหตุยกเว้นที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนด อนุญาต หรือเชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น หรือบุคคลในหน่วยงาน ของรัฐต่างประเทศ หรือหน่วยงานระหว่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในราชอำณำจักร ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น

(4) ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น แต่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยเร็ว

(5) ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน

(6) ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานที่กักกัน ที่ทางราชการกำหนด”

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่14 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0062.PDF

ขณะที่ จังหวัด "พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว" แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 23/2564 ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2564

พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น 26 จังหวัด

1. กรุงเทพมหานคร

2. จังหวัดกระบี่

3. จังหวัดกาญจนบุรี

4. จังหวัดขอนแก่น (เฉพาะอำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเปื่อยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า และอำเภออุบลรัตน์)

5. จังหวัดจันทบุรี (เฉพาะอำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอท่าใหม่)

6. จังหวัดชลบุรี

7. จังหวัดเชียงราย (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเวียงป่าเป้า)

8. จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภจอทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม)

9. จังหวัดตราด (เฉพาะอำเภอเกาะกูด และอำเภอเกาะช้าง)

10. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอสีคิ้ว)

11. จังหวัดนนทบุรี

12. จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์)

13. จังหวัดปทุมธานี

14. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก)

15. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เฉพาะอำเภอพระนครศรีอยุธยา)

16. จังหวัดพังงา

17. จังหวัดเพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ)

18. จังหวัดภูเก็ต

19. จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม)

20. จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)

21. จังหวัดเลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน)

22. จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)

23. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย)

24. จังหวัดสุรินทร์ (เฉพาะอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอท่าตูม)

25. จังหวัดหนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอสังคม)

26. จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวา อำเภอนายง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจัษ์ศิลปาคม และอำเภอหนองหาน)