posttoday

ดีอีเอสเร่งยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคไทยให้เท่าสากล

15 พฤศจิกายน 2564

รมต.ดีอีเอสเดินหน้ายกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคไทยให้เท่าสากล "สารี" เลขาสภาองค์กรของผู้บริโภค เผย MOU 21 ข้อ สร้างความปลอดภัยทางเศรษฐกิจดิจิตอลได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานการลงนามข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ นายชัยวุฒิ ระบุว่า การทำธุรกิจออนไลน์เป็นการทำตลาดตรงกับผู้บริโภค ดังนั้นรูปแบบการสื่อสาร การโฆษณาชวนเชื่อ จึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้บริโภค และผู้บริโภคไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสสินค้าได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ที่สำคัญผู้ซื้อไม่สามารถรูัตัวตนที่แท้จริงของผู้ขาย ถือเป็นความเสี่ยงของผู้บริโภคที่อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น การหลอกขายสินค้า ได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณา สินค้าเสียหาย สินค้าผิดกฎหมาย รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลแล้วถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด การลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ในการยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคไทยไปสู่มาตรฐานสากล

ด้าน น.ส.อภิญญา ตันทวีวงศ์ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ภายหลังสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ลงนามทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา ก็ยังพบว่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ทำให้ยังมีการหลอกลวงคุณสมบัติเกินจริงเพื่อสร้างยอดขาย ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามคำโฆษณา สินค้าเสียหายก่อนถึงมือ รวมไปถึงปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว ดังนั้นถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ องค์กรด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและองค์กรภาคเอกชน ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์และหน่วยงานของรัฐด้านการคุ้มครองผู้บริโภค จะมาร่วมมือกันในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

ดีอีเอสเร่งยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคไทยให้เท่าสากล

ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ฉบับนี้ ซึ่งมี 21 ข้อ ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคสำหรับการซื้อ-ขายทางของออนไลน์ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ รวมถึงความปลอดภัยทางเศรษฐกิจดิจิตอลในอนาคตและช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว ซึ่งขอบคุณ เจดี เซ็นทรัล ลาซาด้า แอลเอ็นดับเบิลยู บิวตี้นิสต้า แอสเชนด์ คอมเมิร์ซ ที่เข้าร่วม แต่น่าเสียดายที่ความร่วมมือนี้ยังไม่ครอบคลุมทั้ง ช้อปปี้ เฟซบุ๊กประเทศไทย ซึ่งก็จะเดินหน้าประสานงานต่อไป

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อขายผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านตลาดออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ จะช่วยเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาที่เกิดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นอันตรายในตลาดออนไลน์ โดย สสส.มุ่งพัฒนาระบบที่ทำให้ประชาชนซื้อขายสินค้าที่ปลอดภัย มีแนวทางการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ เช่น ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์ต้องไม่ยินยอมให้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรืออาหารที่ไม่ปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ที่เคยถูกยกเลิก หรือเพิกถอนทะเบียน หรือสั่งห้ามจำหน่าย  รวมถึงจัดให้มีช่องทางการรับแจ้งกรณีพบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยและดำเนินการปิดกั้นอย่างเร่งด่วน

สำหรับ นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่ ETDA คือส่งเสริมให้การทำธุรกรรมทางออนไลน์ของประเทศมีความมั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือ ผู้ใช้บริการเกิดความเชื่อมั่น ผลักดันให้เกิดร่าง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. …จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212 OCC พร้อมจัดทำแนวปฏิบัติการกำกับดูแลกันเองระหว่างผู้ให้บริการกับผู้ประกอบการที่ใช้ตลาดออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคได้อย่างทันสถานการณ์มากที่สุด ซึ่งได้จากการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน จนนำมาสู่การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ โดยแนวปฏิบัติที่ถูกระบุใน MOU เช่น ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์จะต้องมีการปฏิบัติต่อผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม จำหน่ายสินค้าและบริการ ยึดมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการ แสดงราคาอย่างโปร่งใส และบันทึกประวัติการซื้อขายอย่างเหมาะสม เป็นต้น