posttoday

สธ.จับตา 6 จว.แนวโน้มโควิดพุ่ง เผย หลังเปิดประเทศพบติดเชื้อ 10 ราย

05 พฤศจิกายน 2564

กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มโควิดลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวัง 6 จังหวัด ระดมค้นหาคลัสเตอร์ ฉีดวัคซีน ย้ำเจ้าของกิจการใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย พาไปฉีดวัคซีนให้ครบ หลังเปิดประเทศพบติดเชื้อ 10 ราย

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 และอาการหลังฉีดวัคซีนโควิด 19 ว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ประเทศไทยมีผู้ป่วยรักษาหาย 8,029 ราย ติดเชื้อใหม่ 7,982 ราย เสียชีวิต 68 ราย แนวโน้มผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่เครื่องช่วยหายใจลดลง ภาพรวมทั้งประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 6 จังหวัดที่ยังมีแนวโน้มสูง ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ตาก ระยอง จันทบุรี และขอนแก่น ซึ่งวันนี้มีสัดส่วนการติดเชื้อ 22% ขณะนี้ได้ระดมสรรพกำลังค้นหาคลัสเตอร์และปัจจัยเสี่ยง รวมถึงเพิ่มเติมวัคซีนลงไปในพื้นที่ ขอให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีน จะลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต

สำหรับคลัสเตอร์ที่ยังพบรายงานวันนี้ ได้แก่ เรือนจำ กทม. 44 ราย เชียงใหม่ 16 ราย, สถานบันเทิง กทม. 12 ราย, สถานศึกษา ฉะเชิงเทรา 2 ราย, โรงแรม กทม. 20 ราย, แคมป์ก่อสร้าง/ล้งผลไม้ จันทบุรี 4 ราย, บริษัท เชียงใหม่ 6 ราย กทม. 4 ราย, ค่ายทหาร ชลบุรี 3 ราย และตลาดเชียงใหม่ 61 ราย นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบผู้ลักลอบเข้าประเทศจากกัมพูชาติดเชื้อ 7 ราย ถือว่าน่ากังวลในช่วงการเปิดประเทศ จึงขอให้ประชาชนร่วมกันสอดส่องและขอให้เจ้าของกิจการใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย พาคนงานต่างด้าวไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน ซึ่งได้ชี้แจงทุกจุดฉีดวัคซีนแล้วให้จัดบริการฉีดวัคซีนกลุ่มแรงงานต่างด้าวด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญยังต้องย้ำมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด ตรวจ ATK เมื่อมีความเสี่ยง กิจการใช้มาตรการ COVID Free Setting จะเปิดประเทศได้อย่างราบรื่น

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 3 พฤศจิกายน ฉีดได้ 817,382 โดส สะสม 77,831,474 โดส โดยเข็ม 1 ครอบคลุม 59.8% เข็ม 2 ครอบคลุม 44.7% และเข็ม 3 ครอบคลุม 3.5% จังหวัดที่มีความครอบคลุมน้อย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นครพนม หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ฉีดเข็ม 1 ประมาณ 36-43% สำหรับกลุ่มนักเรียนอายุ 12-17 ปี ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 56.3% พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 17 จังหวัด ฉีดแล้ว 80.5% โดยจังหวัดที่ฉีดได้มากกว่า 70% คือ กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี และภูเก็ต

สำหรับผู้ฉีดวัคซีนโควิดแบบสลับชนิดและกระตุ้นเข็ม 3 ที่มีอาการไม่พึงประสงค์จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พบว่ามีจำนวนน้อยมาก โดยสูตรซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดมากกว่าล้านโดสพบเข้าโรงพยาบาล 955 ราย ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าเซนเนก้าพบ 163 ราย และกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ พบ 48 ราย ส่วนใหญ่มีอาการไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และแน่นหน้าอก สามารถรักษาหายได้ ส่วนรายงานผู้เสียชีวิตนั้น จากการพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญพบว่า ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า การเปิดประเทศ วันที่ 3 พฤศจิกายน มีผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,614 ราย แบ่งเป็น ระบบ Test&Go หรือกลุ่มประเทศที่ไม่ต้องกักตัว เมื่อผลตรวจ RT-PCR เป็นลบเดินทางต่อได้ทันที 2,283 ราย ระบบแซนด์บ็อกซ์ 101 ราย และระบบกักตัวตามปกติ 230 ราย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย จากระบบ Test&Go 1 ราย และระบบกักตัว 3 ราย รวม 3 วันที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ 10 ราย ซึ่งแสดงว่าระบบของเราตรวจจับได้แม้ก่อนเดินทางมาจะตรวจ RT-PCR ไม่พบ แต่เป็นการพบในอัตราต่ำมาก ถือว่ามีความปลอดภัยในการรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยประเทศที่เดินทางเข้ามามาก คือ สหรัฐอเมริกา 196 ราย ญี่ปุ่น 339 ราย เยอรมนี 142 ราย อังกฤษ 105 ราย และเกาหลีใต้ 64 ราย จังหวัดปลายทางที่นักท่องเที่ยวไปมากที่สุด คือ กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี และสุราษฎร์ธานี