posttoday

มาเลย์ฯร้องไทยส่ง 9 ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์โรฮิงยาผู้ร้ายข้ามแดน

28 ตุลาคม 2564

อัยการเผยส่งฟ้องแล้ว 3 ราย พบโยงคดีแก๊งค้าโรฮิงยา”มนัส คงแป้น” รอศาลสั่งก่อนส่งล็อตแรกรับโทษต่างแดน เหตุค้ามนุษย์ข้ามชาติคดีร้ายแรงต้องส่งตามสนธิสัญญาฯ

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายสุทธิ สุขยิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 1 นายธีรัช ลิมปยารยะ อัยการประจำสำนักอัยการสูงสุด แถลงคดีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศมาเลเซีย ในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา

นายประยุทธ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับการประสานจากมาเลเซียให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เมื่อต้นปี 2560 หลังทางการมาเลเซียพบว่าขบวนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะนำเหยื่อค้ามนุษย์ผ่านไทยไปยังมาเลเซีย และมีการนำเหยื่อซึ่งเป็นชาวโรฮิงญาเป็นจำนวนมากข้ามไปยัง รัฐเปอร์ลิส โดยพบว่าเหยื่อค้ามนุษย์ได้ถูกฆ่าและฝังศพไว้เป็นจำนวนมาก และสามารถช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ที่รอดชีวิตบางส่วนออกมาได้ อย่างไรก็ตามจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงดังกล่าวพบว่า มีลักษณะคล้ายกับการกระทำต่อเหยื่อค้ามนุษย์ที่ไทยได้ทลายขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งพบว่าเชื่อมโยงกับคดีพล.ท.มนัส คงแป้น และพวกอีกหลายคน ที่ร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ในไทย โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือนส.ค. 2557-มี.ค. 2558

นายประยุทธ กล่าวว่า จากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนรัฐเปอร์ลิสมาเลเซีย พบว่าผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีค้ามนุษย์ดังกล่าวเป็นชาวไทยรวมอยู่ด้วยจำนวน 9 คน จำนวนนี้เป็นชาย 8 คนหญิง1 คน ซึ่งหลบหนีเข้ามาในไทย และทางสำนักงานอัยการต่างประเทศจึงได้ยื่นคำขอต่อศาลอาญาให้ออกหมายจับคนร้ายทั้งหมดแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายเจ๊ะปา ลาปีอี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ทางการมาเลเซียร้องขอได้ และขณะนี้พนัก งานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้ยื่นฟ้องนายเจ๊ะปา ลาปีอี ต่อศาลอาญาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายขอให้ศาลมีคำสั่งส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศมาเลเซียแล้ว

“วันนี้ (28 ต.ค ) สำนักงานต่างประเทศสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้เพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการมาเลเซียร้องขอ คือ นายอรุณ แก้วฝ่ายนอก และนายบุญเย็น เนสาแหละ และหากพนักงานอัยการได้รับผู้ต้องหาจากตำรวจแล้ว ก็จะนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทันที เพื่อเข้าสู่กระบวนการเช่นเดียวกันกับนายเจ๊ะปา ลาปีอี โดยคดีทั้ง 2 จะอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลต่อไป”นายประยุทธ กล่าว

ด้านนายสุทธิ กล่าวว่า คดีดังกล่าวสำนักงานอัยต่างประเทศได้รับการร้องขอจากรัฐบาลมาเลเซียผ่านรัฐบาลให้ดำเนินการส่งผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งเป็นคนไทย9คน ไปรับโทษที่ประเทศมาเลเซีย โดยอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ให้สำนักงานฝ่ายกิจการต่างประเทศ 1 เป็นผู้รับผิดชอบคดี โดยทางอัยการก็มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆนำสืบต่อศาล ทั้งนี้โดยปกติแล้วเราจะไม่ส่งคนไทยให้ต้องไปรับโทษในต่างประเทศเว้นแต่ว่าจะมีประเทศที่ทำสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันร้องขอมา แต่คดีนี้ถือว่ามีความร้ายแรง เพราะเกี่ยวการค้ามนุษย์ข้ามชาติ

นายธีรัช อัยการเจ้าของสำนวนคดีนี้ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบถามผู้ต้องหาในการต่อสู้คดีว่าจะยินยอมต่อสู้คดีหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหากล่าวพร้อมที่จะต่อสู้คดีและปฏิเสธความผิดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์โรฮิงญา ซึ่งระยะเวลาในการพิจารณาของศาลต้องใช้เวลาพอสมควร และเมื่อศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนแล้วผู้ต้องหาก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์คดีได้ตามกฎหมาย

ทั้งนี้ สำหรับ พล.ท.มนัส อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยคนสำคัญคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก82 ปี ฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ และจำคุกอีก40ปี ฐานร่วมกันฟอกเงินจากการค้ามนุษย์โรฮิงญา ทั้งนี้ พล.ท.มนัส ได้เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเมื่อช่วงค่ำของ วันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา