บช.ก.ลุยล้างบางปืนเถื่อนต้นตอเหตุอาชญากรรม

เมื่อวันที่ 1ต.ค.64 เวลา 05.00 น.ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เป็นประธานในพิธีระดมพลปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดยุทธการ”สอบสวนกลางกวาดล้างปืนเถื่อน The Ghost Guns Operetion” กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 126 จุด ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างแหล่งผลิต จำหน่าย และ แหล่งกักเก็บอาวุธปืนผิดกฎหมาย รวมถึงกลุ่มลักลอบค้าอาวุธปืนเถื่อนต่างๆ

ทั้งนี้สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวนมาก พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนผิดกฎหมาย อาวุธปืนสงครามได้จำนวนรวมเกือบ 500 กระบอก อุปกรณ์ส่วนควบ หรืออุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพอาวุธปืนอีกกว่าร้อยรายการ และยังตรวจยึดเครื่องกระสุนขนาดต่างๆได้อีก รวมแล้วกว่า 900 รายการ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ คดี นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน กราดยิงชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลพบุรี จนมีผู้เสียชีวิต 3 รายเมื่อต้นปี 2563 และคดีอาชญากรรมความรุนแรงอื่นๆตามพื้นที่ต่างๆอีกหลายคดี ซึ่งส่วนใหญ่อาวุธที่ผู้ก่อเหตุคดีเหล่านี้นำมาใช้มักเป็นอาวุธปืนเถื่อนที่ลักลอบซื้อขายกันอยู่ทั่วไปโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงสั่งการให้หน่วยงานต่างๆในสังกัดสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. บูรณาการกำลังร่วมกันกวาดล้างอาวุธปืนเถื่อนหรืออาวุธสงครามต่างๆซึ่งเป็นอีกหนึ่งต้นตอของเหตุอาชญากรรมความรุนแรงดังกล่าวให้หมดไป จนนำมาสู่การเปิดยุทธการดังกล่าว

ต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ แถลงข่าวช่วงเย็นวันเดียวกันระบุว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่ามีกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเป็นจำนวนมากในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อทำการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 126 จุดทั่วประเทศ โดยในวันที่ 1ตุลาคม2564 ตำรวจสอบสวนกลาง, เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมการกระทำความผิดตามเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 126 จุด สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนทั้งสิ้น 51ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาวุธปืนจำนวน 3 ราย, ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอื่นจำนวน 2 ราย และผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติดจำนวน 46 ราย ส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้มีจำนวนกว่า 1,000รายการ เป็นอาวุธปืนจำนวนกว่า 300 กระบอก แบ่งเป็นอาวุธปืนทั่วไปจำนวน 214 กระบอก, มีอาวุธปืนสงครามจำนวน 4 กระบอก และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 35 กระบอก ซึ่งตามรายการอาวุธปืนที่ตรวจยึดมาได้นั้น ตรวจสอบพบว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนจำนวน 136 กระบอก, อาวุธปืนไม่มีทะเบียนจำนวน 65 กระบอก

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดเครื่องกระสุนปืนจำนวน 3,562 นัด พร้อมของกลางรายการอื่นๆ กว่า 700 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบต่อไป ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่จะทำการซื้อขายอาวุธปืน หรือส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ให้ทราบว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ทั้งนี้ ในการนำเอาอาวุธปืนมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้กระทำก็มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ด้วยเช่นกัน