posttoday

"หมอธีระ" เตือน "ฟ้าเริ่มสว่าง" จะเป็นสัญญาณเตือนพายุกำลังจะมา

11 กันยายน 2564

รศ.นพ.ธีระ ชี้ โควิดในไทย ยังระบาดรุนแรง ต่อเนื่อง กระจายไปทั่ว เตือน คำพูด "ฟ้าเริ่มสว่าง" จะเป็นสัญญาณเตือนว่าพายุกำลังจะมา

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ข้อความตอนหนึ่งว่า มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อวานนี้ 10 กันยายน 2021 ใน MMWR

ทำการศึกษาเรื่องการระบาดของโควิด-19 ในมหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ช่วงมกราคมถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้ติดเชื้อ 265 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 378 คน

พบว่า ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ไม่สวมหน้ากากจะมีความเสี่ยงที่จะตดิดเชื้อสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้สัมผัสกับคนที่ไม่สวมหน้ากากถึง 4.9 เท่า และยิ่งหากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดมากครั้งขึ้น แต่ละครั้งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อขึ้นอีก 40%

จึงเป็นตัวตอกย้ำให้ตระหนักถึงความสำคัญของความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อ หากมี"การเปิดสถานศึกษา"ท่ามกลางสถานการณ์ระบาด ซึ่งจะทำให้มีคนจำนวนมาก มีโอกาสจะใกล้ชิดกัน สัมผัสกัน และใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน

"การใส่หน้ากากเสมอ การอยู่ห่างจากคนอื่น และลดจำนวนครั้งและระยะเวลาในการอยู่ใกล้กัน" จึงสำคัญมาก

อย่าลืมว่า วัคซีนที่ใช้อยู่ในไทยตอนนี้ ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิต แต่ไม่ได้การันตี 100% และยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ และมีการศึกษาพบว่าคนที่ฉีดวัคซีน หากติดเชื้อก็มีปริมาณไวรัสพอๆ กับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน สามารถแพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือคนอื่นๆ ในที่เรียน ที่ทำงาน หรือในสังคมระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเสมอ

...สำหรับสถานการณ์การระบาดของไทย

การระบาดยังรุนแรง ต่อเนื่อง กระจายไปทั่ว จำนวนการตรวจในแต่ละวันที่ลดลงย่อมส่งผลต่อจำนวนเคสติดเชื้อที่จะตรวจพบและที่รายงานในแต่ละวัน ขอให้ไม่ประมาท การ์ดอย่าตกท่ามกลางหลักหมื่นต่อวัน หากนโยบายและมาตรการที่ดำเนินอยู่นั้นยังเปิดรับความเสี่ยง ทั้งเรื่องการโปรโมทท่องเที่ยว กินดื่มในสถานที่ต่างๆ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะทำให้การระบาดทวีความรุนแรงขึ้นไปกว่าเดิมได้ ดังที่เราเห็นได้จากกล่องทราย และบริเวณใกล้เคียง

คนในพื้นที่และหน่วยงานในพื้นที่จึงต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิดและแหล่งทำกินอย่างเต็มที่ กุญแจสำคัญไม่ใช่แค่วัคซีนครับ แต่เป็นการร่วมกันปรับรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงานค้าขายและบริการ ให้เน้นความปลอดภัยในชีวิต ฉีกจากรูปแบบในอดีต

...ลดจำนวนคนที่จะพบปะ ใช้เวลาในการทำกิจธุระให้สั้นลง มีระยะห่างกันมากขึ้น หากต้องทำกิจการกิจกรรมที่ใกล้กันก็ต้องใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า และตรวจคัดกรองโรคอย่างเป็นกิจวัตร พร้อมกฎเหล็กที่จะต้องรีบกักตัวและไปตรวจรักษาหากตรวจพบหรือมีอาการสงสัย ทั้งนี้หากในพื้นที่มีการติดเชื้อ ต้องปูพรมตรวจคัดกรองให้ครอบคลุมและทันเวลา...

ข้างต้นดูจะเป็นทางเลือกเดียวที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้ประคับประคองไปได้

...สิ่งที่จะฝากไว้อีกเรื่องคือ ให้ระวังเรื่อง"ฟ้าเริ่มสว่าง"ให้ดี และต้องไม่ประมาท

หากท้องฟ้าที่เริ่มสว่างนั้น ไม่ได้สว่างแบบปกติ แต่สว่างแบบท้องฟ้าสีแดง

นั่นจะเป็นสัญญาณเตือนว่าพายุกำลังจะมา

ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ หากทุ่มงบที่กู้มาไปหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในยามที่ระบาดยังหนักหน่วง ก็จะเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สมดุลเศรษฐกิจและสุขภาพจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากการระบาดยังรุนแรงครับ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความตอนหนึ่งว่า ณ วันนี้ เป็นวันที่ฟ้าเริ่มสว่างอีกครั้ง จำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆลดลง จำนวนผู้ฉีดวัคซีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เกินเดือนหน้า เราน่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่าครึ่งหนึ่งในจังหวัดส่วนมาก ค่อยๆสามารถกลับสู่วิถีชีวิตแบบเดิม บนแนวทางใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเก่า ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ ก้าวข้ามความขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคฉุดรั้งประเทศชาติของเราไว้มานาน และซ้ำเติมสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น สู่การฟื้นฟูประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของเรา สร้างประเทศไทยให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง เตรียมพร้อมการต้อนรับโอกาสใหม่ที่จะเข้ามาหลังการเปิดประเทศ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับพวกเราคนไทยทุกคน