สัญญาไม่บังคับ!"สาธิต"รับแอสตร้าฯส่งวัคซีนให้ไทยครบ 61 ล้านโดส เดือน พ.ค. 65
รมช.สาธารณสุข รับ แอสตราเซนเนก้า อาจส่งมอบวัคซีน 61 ล้านโดสได้ครบ พ.ค.65 จากเดิมที่มีกำหนดถึง ธ.ค. 64 เผย สัญญาไม่บังคับส่งวัคซีนครบเมื่อใด เร่งเจรจาให้ได้ตามเป้า
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ถึงมติการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส ว่า กรอบการจัดหาวัคซีนของปี 2565 เดิม 50 ล้านโดส ที่ประชุมพิจารณาขอขยายกรอบไปเป็น 120 ล้านโดส ทุกเทคโนโลยี ทั้ง mRNA ไวรัล เวกเตอร์ และอื่นๆ รวมถึงการให้วัคซีนกับเด็กที่จะต้องมีการเพิ่มในอนาคต ทั้งนี้ มีคลาดเคลื่อนนิดหน่อย ตัวเลขของปี 2564 จากเดิมแอสตราเซเนกา จะกำหนดส่งให้เราภายในเดือน ธ.ค. แต่ขยายมาน่าจะเป็น พ.ค. ปีหน้า 61 ล้านโดส (ยอดรวม) ในสัญญาอาจจะไม่ได้มีเงื่อนเวลา แต่อาจจะมีจำนวนเต็มทั้งหมด ส่วนเงื่อนเวลาเป็นแผนที่เสนอและพูดคุยกัน เราเน้นเรื่องการเจรจาและพูดคุยกัน ต้องเรียนว่า สงครามวัคซีนช่วงเวลานี้เป็นอำนาจของผู้ขายเท่านั้น การกำหนดในสัญญาต่างๆ เขาไม่ค่อยกำหนดในเรื่องเวลา แต่เราก็จำเป็น
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ที่กล่าวไปเป็นกรอบเวลา แต่หากผลิตได้มากก็อาจจะส่งได้ทัน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์โควิดกับสถานการณ์วัคซีนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ เรื่องการระบาดของโควิดแต่ละส่วน จึงมีการเปลี่ยนไปมา กรอบคือการตั้งกรอบไว้เพื่อที่จะให้กรมควบคุมโรคกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติไปจัดหา และภายใต้เงื่อนไขความเปลี่ยนแปลง เช่น บังเอิญปีหน้าไวรัสโควิดกลายพันธุ์ ในอนาคตอาจจะมีวัคซีนที่ผลิตมาเพื่อให้ครอบคลุม จึงเป็นกรอบกว้างๆ
เมื่อถามว่า สัญญาแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส จะยืดการส่งมอบไป พ.ค. 2565 แล้วไทยจะจัดการปัญหาอย่างไรนั้น นายสาธิต กล่าวว่า ทุกส่วนวางแผนได้ในส่วนที่มีความพยายามอย่างเต็มที่ในวัคซีนที่ได้รับทุกยี่ห้อมาจัดการฉีดให้คนไทยเร็วและทั่วถึงที่สุด โดยแอสตราเซเนกา บอกว่าจะส่งให้เรา 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ขณะนี้แจ้งมาว่ากำลังการผลิต 15 ล้านโดสต่อเดือน แต่ในอนาคตอาจจะผลิตได้มากกว่า จึงเป็นเรื่องที่ต้องเจรจาว่าในสถานการณ์ที่ไทยกำลังต้องการวัคซีนอย่างมาก เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสูงขึ้น มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ต้องการวัคซีนมาหยุดยั้งการระบาดและกระจายไปให้ทุกคนในประเทศ
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องนำวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ได้รับตามที่คุยกันได้ มากับวัคซีนตัวอื่นด้วย เช่น ซิโนแวค ถ้าสมมติเดินหน้าฉีดจากที่ทำการเก็บตัวอย่างแล้วในการฉีดซิโนแวค แล้วตามด้วยแอสตราเซเนกา สามารถที่จะป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ประมาณ 60-70% ก็เอาส่วนนี้มาบริหาร
ส่วนเรื่องการปรับสูตรฉีดวัคซีนที่ดูแล้วต้องใช้แอสตราเซเนกาเพิ่มขึ้น จะหาจากไหนมาเพื่อรองรับในจุดนี้หากแอสตราเซเนกาขอขยายการส่งมอบนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบว่า ต้องเจรจาให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทย อยากได้ตามเป้า 10 ล้านโดสต่อเดือน และขณะนี้คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ยังไม่มีนโยบายบูสต์เข็มที่ 3 จะให้เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าเท่านั้น เพื่อให้วัคซีนทั่วถึงคนไทยทุกคนก่อน