ในหลวงพระราชทานรถตรวจโควิดไปเรือนจำนราฯเพื่อตรวจผู้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 64 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พระราชทานอุปกรณ์และรถตรวจโควิดพระราชทานไปยังเรือนจำจังหวัดนราธิวาสแล้ว

ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อยอดรวม 126 คน แบ่งเป็น 2 ส่วนเป็นข้าราชการ 25 คน ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสแล ผู้ต้องขัง 95 คน ขณะนี้กักตัวไว้ที่แดน 2 จำนวน 88 คน แดน 6 จำนวน 3 คน แดนหญิง 1 คน และอีก 3 คน อยู่ โรงพยาบาลนราธิวาส นอกจากนี้ยังมีอีกส่วนที่ออกไปร่วมกิจกรรมต้านภัยยาเสพติด 6 คน ที่จ.สุราษฎร์ธานี โดยเป็นผู้ต้องขัง 5 คน เจ้าหน้าที่ 1 คน ตอนนี้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

"ส่วนการตั้งโรงพยาบาลสนามนั้นจะใช้พื้นที่แดน 2 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส โดย จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนราธิวาส และเจ้าหน้าที่เรือนจำกรมราชทัณฑ์ โดยจะใช้เบื้องต้นสามารถรองรับได้ 200 คน แต่หากไม่เพียงพอจะใช้แดน 6 เพิ่ม จะรองรับได้ 600 คน หากรายใดมีอาการรุนแรงก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่ทันที โดยจะมีการตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบางและมีโรคประจำตัว จำนวน200 คนก่อน"นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้กำชับให้เรือนจำใช้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด คือ บับเบิล แอนด์ ซีล คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า และจะมีการควบคุมกักตัว 28 วัน และหลังจากนั้นก็จะตรวจหาเชื้ออีกครั้ง สำหรับผู้ที่ร่วมงานต้านภัยยาเสพติดที่ จ.สุราษฎร์ธาสี เป็นเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวทุงเขน เป็นผู้ต้องขัง 57 คน เจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ 63 คน ทั้งหมดต้องถูกกักตัว 7 วันแล้วต้องตรวจซ้ำ อย่างไรก๖ามเนื่องจากเรือนจำดังกล่าวไม่มีรั้วและกำแพง จึงได้ประสานให้กรมคุมประพฤติ นำกำไล EM ไปติดให้กับผู้ต้องขังเพื่อป้องกันการหลบหนี

"ต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาจากเรือนจำนราธิวาส ไม่ใช่ จ.สุราษฎร์ธานี คาดว่าเป็นเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ส่วนจะติดจากใคร ยังตอบไม่ได้ เคาสงสัยว่า อาจจะมีผู้ต้องขังจากประเทศเพื่อนบ้านบ้าง หรือเจ้าหน้าที่ที่เข้าออก ขณะนี้กำลังรอการตรวจสอบสวนโรคจากสาธารณสุข"รมว.ยุติธรรม กล่าว