posttoday

รู้จัก 3 เทคโนโลยีที่ใช้ผลิตวัคซีนโควิด 19

24 กุมภาพันธ์ 2564

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอธิบาย 3 เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในการผลิตวัคซีนโควิด19 ชี้มีความปลอดภัย เผยคนที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถฉีดวัคซีนได้ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่มากเพียงพอ

ศ.ดร.นพ.วิปร วิประกษิต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวเวชศาสตร์ระดับโมเลกุล (molecular medicine) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2564 กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 ทั้งจริงและไม่จริงจำนวนมากในสื่อต่างๆ ทำให้เกิดความสับสนในสังคม จึงขอทำความเข้าใจ ดังนี้

เนื่องจากเชื้อโควิด 19 จะใช้ “โปรตีนเอส” จับกับเซลล์มนุษย์เพื่อแทรกตัวเองเข้าไปเจริญเติบโตในร่างกายมนุษย์ การทำวัคซีนจึงใช้วิธี “หนามยอกเอาหนามบ่ง” คือ นำโปรตีนดังกล่าวมาใช้เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ภูมิต้านทานร่างกายรู้จักและจดจำ เมื่อเจอไวรัสตัวจริง เซลล์ภูมิต้านทานก็จะทำลายเชื้อไวรัสที่เข้ามาได้ ทำให้ป้องกันการติดเชื้อหรือหากติดเชื้อก็มีอาการไม่รุนแรง

การผลิตวัคซีนโควิด 19 หลักๆ ขณะนี้มี 3 เทคโนโลยี ได้แก่

1.เทคโนโลยี mRNA ที่นำสารพันธุกรรม RNA ที่สร้างโปรตีนเอสของไวรัสมาทำวัคซีน แต่โดยปกติสารพันธุกรรมไวรัสจะมีเปลือกหุ้ม หากไม่มีเปลือกหุ้มจะไม่เสถียรและไม่สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานได้ จึงนำไขมันระดับนาโนมาหุ้ม แต่การเก็บรักษาวัคซีนขนิดนี้ต้องใช้อุณหภูมิต่ำมากๆ คือ ลบ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มีอุณหภูมิสูง การจัดเก็บจึงมีความท้าทาย หากจัดเก็บไม่เหมาะสมจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งบริษัทไฟเซอร์และโมเดินนาร์ใช้เทคโนโลยีนี้ในการผลิต

2.เทคโนโลยีไวรัลเวคเตอร์ เป็นการประดิษฐ์สารพันธุกรรม DNA เพื่อสร้างโปรตีนเอสของไวรัสโควิด และหุ้มด้วยเปลือกจากไวรัสอีกตัวเพื่อนำเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการใช้เปลือกไวรัสหุ้มสารพันธุกรรมทำให้สามารถจัดเก็บในอุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียสได้ จึงเหมาะสมกับประเทศไทยที่มีอากาศร้อน เทคโนโลยีนี้มีบริษัท แอสตราเซนเนกาและสปุตนิกของรัสเซียที่ใช้ในการผลิตวัคซีน

3.เทคโนโลยีเชื้อตาย ทำได้จากการนำเชื้อไวรัสจริงๆ มาเพาะเลี้ยงให้มีจำนวนมากขึ้น และใส่สารบางอย่างให้เชื้อตาย ไม่มีคุณสมบัติก่อโรคได้อีก แล้วนำมาทำวัคซีนโดยเติมสารกระตุ้นภูมิต้านทาน ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีใช้มานานทั้งวัคซีนพิษสุนัขบ้า โปลิโอ และตับอักเสบ สำหรับการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีนี้มีของบริษัทซิโนแวคและซิโนฟาร์ม จากประเทศจีน

ศ.ดร.นพ.วิปร กล่าวต่อว่า การพัฒนาวัคซีนนั้น ความปลอดภัยมีความสำคัญอันดับหนึ่ง โดยมีการวิจัยทั้งระดับสัตว์ทดลอง คือในหนูและลิง การวิจัยในคนถึง 3 ระยะ เพื่อดูความปลอดภัยและประสิทธิภาพ หากผ่านตามเกณฑ์องค์การอนามัยโลกจึงจะขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยยืนยันว่าคนที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถฉีดวัคซีนได้ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่มากเพียงพอ ส่วนอาการปวดบวม มีไข้ หลังฉีดวัคซีนสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัคซีน และยืนยันว่าด้วยข้อมูลในปัจจุบัน การใช้วัคซีนด้วย RNA และ DNA ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของมนุษย์

"การฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศเรา และกำลังจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์นี้ จึงเป็นมาตรการสำคัญ ที่จะช่วยทำให้คนไทยและประเทศไทยของเรา ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ครับ"ศ. ดร. นพ. วิปร กล่าว

รู้จัก 3 เทคโนโลยีที่ใช้ผลิตวัคซีนโควิด 19