posttoday

ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุก “เบนซ์ เรซซิ่ง” 36 ปี 8 เดือน

11 กุมภาพันธ์ 2564

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาเพิ่มโทษ จำคุก “เบนซ์ เรซซิ่ง” 36 ปี 8 เดือน คดีสมคบ-ฟอกเงินยาเสพติด ส่วนจำเลย 2-3 โดน 22 ปี 6 เดือน

เมื่อวันที่ 11 กพ. 64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฟอกเงินยาเสพติด หมายเลขดำ อย.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 34 ปี นักแข่งรถชื่อดัง, นายสรรเสริญหรือเน็ต รสานนท์ อายุ 39 ปี ภูมิลำเนา จ.นนทบุรี น.ส.อังสุพรหรืออุ้ม อินา อายุ 33 ปี ภูมิลำเนา จ.น่าน ซึ่งทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฐานฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 และสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 6, 10, 14 และ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2560 ระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อต้นเดือน พ.ย.2559 -2 ก.พ.2560 จำเลยทั้งสาม กับนายณัฐพลหรือบอย นาคคำ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ อย.2187/2560, อย.1883/2560, อย.1257/2560 ของศาลอาญา, นายชัยวัฒน์หรือแป๊ะ ชูสาย จำเลยคดียาเสพติดซึ่งศาลมีคำพิพากษาไปแล้วคดีหมายเลขแดง อย.1679/2560 กับนายนพ หรือบาส รัตนวิสุทธิ์ จำเลยคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.838/2560 ของศาลอาญา พวกที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดยาไอซ์และยาบ้าที่เป็นยาเสพติดประเภท 1 และร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำในการเป็นผู้จัดหา ครอบครอง เก็บรักษา ลำเลียงยา หาลูกค้าและเป็นเครือข่ายการรับยาเสพติด รวมทั้งจัดการด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดที่นายณัฐพลหรือบอย กับพวกเป็นผู้จัดหายาเสพติดและเป็นผู้ประสานงานในการขนถ่ายลำเลียง ซึ่งวันที่ 26 พ.ย.59 เจ้าพนักงานได้จับกุม นายนพหรือบาส กับพวกได้พร้อมของกลางยาบ้า 140,000 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว น้ำหนัก 19 กก.เศษ โดยนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ได้โอนเงินที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารบุคคลอื่น

ส่วนนายอัครกิตติ์, นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งได้มีการจัดการรับฝากเงินและโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารชื่อนายอู๋ ปังโอฬารภาวะกุล, นายสุวัฒน์ พวงมาลี ที่เป็นเครือข่ายของนายณัฐพลหรือบอย เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้นายณัฐพลหรือบอยกับพวก ไม่ต้องรับโทษ โดยระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.57 – 1 ก.พ.60 มีการโอนและรับโอนเงินตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท โดยยังมีการโอนเงิน ซึ่งนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ได้รับจากนายณัฐพลไปซื้อรถลัมโบกินีและรถจักรยานยนต์ราคาแพงด้วย เหตุเกิดที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม , แขวงจอมทอง เขตจตุจักร , แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ , เขตจตุจักร, แขวง-เขตดินแดง กทม. เกี่ยวเนื่องกับ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา “นายอัครกิตติ์” จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสรรเสริญหรือเน็ต และน.ส.อังสุพรหรืออุ้ม สามีภรรยา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพฐานฟอกเงินในชั้นพิจารณา ขณะที่ภายหลังถูกอัยการฟ้องเป็นคดีแล้ว “นายอัครกิตติ์”หรือเบนซ์ ได้รับการประกันตัว ส่วนนายสรรเสริญ จำเลยที่ 2 ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 3 ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 ให้จำคุก “นายอัครกิตติ์” จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.5 , 60 และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติดฯ

ส่วนนายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 ให้จำคุกฐานสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด และฐานร่วมกันฟอกเงิน คนละ 8 ปี, ฐานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกฐานฟอกเงินคนละ 4 ปี และฐานสมคบกันทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้จำคุกอีกคนละ 20 ปี กับปรับคนละ 400,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2-3 ทั้งสิ้น คนละ 24 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท

วันนี้ นายอัครกิตติ์ ซึ่งได้รับประกันตัวเดินทางฟังคำพิพากษา ขณะที่ นายสรรเสริญ , น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 มาจากเรือนจำพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมีญาติและเพื่อนสนิทมาให้กำลังใจ

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว มีคำพิพากษาเเก้ โดยเพิ่มโทษจำคุก นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด เเละฟอกเงินลงโทษจำคุกจาก ปี เป็นจำคุก 36 ปี 8 เดือน ปรับ 3,333,333.33 บาท ส่วนจำเลยที่ 2-3 ลงโทษจำคุก 22 ปี 6 เดือนปรับ 4 เเสนบาท