posttoday

โพลล์ ชี้ ตรุษจีนปีนี้ แยกกันไหว้ "งดเที่ยว-งดสังสรรค์"

10 กุมภาพันธ์ 2564

กรุงเทพโพลล์ เผย ประชาชน ร้อยละ 58.2 ระบุ วันไหว้ตรุษจีนปีนี้จะใช้วิธีแยกกันไหว้ไม่รวมญาติเหมือนทุกปี ร้อยละ 86.0 เผย ปีนี้งดเที่ยว งดสังสรรค์ ขณะที่ ร้อยละ 95.3 ไม่มีแผนจะไปเที่ยว เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด ประหยัดค่าใช้จ่าย

เมื่อวันที่ 10 กพ. 64 เนื่องด้วยวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นี้ เป็นวันตรุษจีน และเป็นวันที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษในปี 2564 กรุงเทพโพลล์ โดย ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง "เซ่นไหว้ แบบไหน ในตรุษจีนปีฉลู"โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,212 คน พบว่า

เมื่อถามผู้ที่ไหว้เทพเจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และทำกิจกรรมต่างๆ ตามประเพณีจีน พบว่าได้มีการปรับรูปแบบการทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ดังนี้

- ในวันจ่ายส่วนใหญ่ร้อยละ 63.5 ยังคงซื้อของไหว้ในวันจ่ายตามประเพณีเหมือนทุกปี รองลงมาร้อยละ 29.6 ระบุว่าปรับเป็นซื้อของไหว้เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อลดความแออัดในวันจ่ายและร้อยละ 5.1 ระบุว่าสั่งซื้อของไหว้ออนไลน์

- ในวันไหว้ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.2 ระบุว่าแยกกันไหว้ ไม่รวมญาติเหมือนทุกปี รองลงมาร้อยละ 28.5 ระบุว่ายังไหว้แบบรวมญาติและทานอาหารร่วมกันเหมือนทุกปี และร้อยละ 11.7 ระบุว่าไหว้แบบรวมญาติเหมือนเดิม แต่งดทานอาหารร่วมกัน

- ในวันเที่ยวส่วนใหญ่ร้อยละ 86.0 ระบุว่าปีนี้งดเที่ยว งดสังสรรค์ รองลงมาร้อยละ 9.0 ระบุว่า แยกกันไปไม่รวมญาติท่องเที่ยวเหมือนทุกปี และร้อยละ 5.0 ระบุว่า ยังรวมญาติท่องเที่ยวสังสรรค์เหมือนทุกปี

- ในการแจกอั่งเปา พบว่าร้อยละ 49.4 แจกอั่งเป่าด้วยเงินสดใส่ซองเหมือนทุกปี ขณะที่ร้อยละ 41.6 ระบุว่าปีนี้งดแจกอั่งเปา

เมื่อถามประชาชนทั่วไปว่าการกำหนดให้ "วันตรุษจีน" ในปีนี้เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษทำให้มีการหยุดติดกัน 3 วัน มีแผนจะไปท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไร พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.3 ระบุว่า ไม่มีแผนจะไปท่องเที่ยวโดยให้เหตุผลว่า ติดช่วง COVID-19 จึงไม่อยากเดินทาง ร้อยละ 40.7 รองลงมาคือ ช่วงนี้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายร้อยละ 21.3 และ ที่ทำงานไม่ได้หยุด ร้อยละ 19.2

สำหรับการให้ "วันตรุษจีน" เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษในปีนี้ ประชาชนร้อยละ 46.0 เห็นว่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้ปานกลาง รองลงมาร้อยละ 42.0 เห็นว่าช่วยได้น้อยถึงน้อยที่สุด และร้อยละ 12.0 ระบุว่า ช่วยได้มากถึงมากที่สุด