กทม.จับมือสตช.เปิดป้ายอัจฉริยะแจ้งเตือนคนกรุงรู้ทันฝุ่นPM2.5
กรุงเทพมหานครจังมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังฝุ่น PM2.5 ผ่านป้ายจราจรอัจฉริยะ 70 จุด ครอบคลุม 50 เขต
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ได้สนับสนุนพื้นที่บนป้ายจราจรอัจฉริยะและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลผลการตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยจะเผยแพร่ข้อมูลการตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร จำนวน 70 จุด ครอบคลุม 50 เขต วันละ 3 เวลา ดังนี้ ช่วงเช้า เวลา 06.00-08.00 น. ช่วงเที่ยง เวลา 11.00-13.00 น และช่วงเย็น เวลา 17.00-19.00 น. โดยข้อมูลจะหมุนเวียนสลับกันทุก ๆ 15 วินาที ตลอด 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้การสนับสนุนพื้นที่บนป้ายจราจรอัจฉริยะในความรับผิดชอบของ สตช. มีจำนวนทั้งสิ้น 90 ป้าย ครอบคลุมพื้นที่ 20 เขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ คลองเตย จตุจักร ดินแดง ดุสิต บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางกะปิ บางพลัด บางรัก บึงกุ่ม ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระโขนง ภาษีเจริญ ราชเทวี วังทองหลาง วัฒนา สาทร และห้วยขวาง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 1-2 ปี ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครประสบปัญหาฝุ่นละอองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศ ทำให้มีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งช่วงเช้าหากเกิดสภาวะลมอ่อนหรือลมสงบ หรือเกิดการผกผันกลับของอุณหภูมิ (inversion) นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาวมีฝนน้อย ทำให้ระดับฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครสูงขึ้นบางครั้งอาจถึงระดับที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครจึงจำเป็นต้องแจ้งเตือนและเน้นย้ำข้อควรปฏิบัติในการเฝ้าระวังสุขภาพและป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ผ่านกลไกและช่องทางการสื่อสารต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล รวมถึงให้ประชาชนวางแผนการทำงาน ดำเนินกิจกรรมในแต่ละวันโดยเฉพาะในพื้นที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งควรลดระยะเวลาหรืองดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นควรจะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ด้วยทุกครั้ง