สธ.ห่วงคนแก่ติดโควิดจากลูกหลานที่ไม่มีอาการ แนะป้องกันโรคเข้ม
สธ.เผยขณะนี้พบ ผู้สูงอายุติดเชื้อโควิดจำนวนมากหลายราย โดยติดเชื้อจากคนหนุ่มสาวในครอบครัวที่ไม่มีอาการ ทำให้มีความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิต แนะลูกหลานปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเข้มข้น
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในไทยว่า การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 63 มีผู้ติดเชื้อสะสม 7,817 ราย หายป่วยสะสม 5,075 ราย ยังอยู่ระหว่างการรักษา 2,732 ราย เสียชีวิตสะสม 10 ราย อายุระหว่าง 40-80 กว่าปี และส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ มะเร็ง เป็นต้น
ภาพรวมพบจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับควบคุมได้ โดยจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาเลยมี 29 จังหวัด ส่วนการค้นหาเชิงรุกยังเจอผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ จ.สมุทรสาคร
“ขณะนี้พบการติดเชื้อในผู้สูงอายุจำนวนมากหลายราย โดยติดเชื้อจากในครอบครัวโดยคนหนุ่มสาวที่ไม่มีอาการ ทำให้มีความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ เช่น กรณีเขตทวีวัฒนา กทม. มีการติดเชื้อใน 2 ครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุติดเชื้อทั้งอายุ 91 ปี 71 ปี และ 73 ปี หรือกรณี จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการติดเชื้อ 11 ราย ก็พบการติดเชื้อในเด็กอายุ 1 ปี 3 ปี และผู้สูงอายุ 55 ปี 57 ปี และ 77 ปี ดังนั้น ต้องยกระดับค้นหาเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังพบผู้ติดเชื้อ เช่น พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ต้องกำกับติดตามกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ครบ 14 วัน ช่วยลดเสี่ยงแพร่เชื้อต่อในชุมชน และลดเสี่ยงการติดเชื้อในผู้สูงอายุได้ขอความร่วมมือลูกหลาน ที่อยู่หรือไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค” นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยมีการติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมากเป็นแสนราย โดยประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,029 ราย ติดเชื้อสะสม 155,095 ราย และเมียนมามีผู้ติดเชื้อรา ยใหม่ 491 ราย ติดเชื้อสะสม 133,569 ราย ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด 19 ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงและปกครอง ดำเนินการเฝ้าระวังการลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด
รวมถึงดำเนินการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัยแรงงานส่วนใหญ่มักติดเชื้อไม่มีอาการจึงต้องค้นหาเชิงรุกเมื่อพบการติดเชื้อจะแยกกักและดูแลรักษา เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อในชุมชน จึงทำให้ จ.ตรังและพัทลุงพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อและนำเข้าสู่ระบบ พร้อมกับสอบสวนโรคถึงที่มาของการติดเชื้อต่อไป
“สำหรับประชาชนยังต้องช่วยกันคงมาตรการส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ลดการเดินทางโดยไม่จำเป็น และช่วยเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตาภายในชุมชน หากพบเห็นบุคคลแปลกหน้า แรงงานต่างด้าวหรือคนไทยเข้าเมืองผิดกฎหมายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวัง ขอความร่วมมือไม่ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามา และขอให้คนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศอย่างถูกต้อง เข้ารับการกักกัน 14 วัน หากติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษา ทำให้ปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว และชุมชน” นพ.โสภณกล่าว