โพลชี้คนไทยเที่ยวอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น "เชียงใหม่"จังหวัดฮิตสุด
ดุสิตโพลเผยคนไทยส่วนใหญ่ท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด ขณะที่ "เชียงใหม่" เป็นจังหวัดยอดฮิตที่คนไทยอยากไปท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการท่องเที่ยวส่งท้าย ปี 2020” โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,277 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 4-10 ธ.ค.63 ต่อกรณี การพักผ่อนและเฉลิมฉลองปีใหม่หลังจากที่คนไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ มาตลอดทั้งปี สรุปผลได้ ดังนี้
1. “5 พฤติกรรม” การท่องเที่ยวของคนไทย ในปี 2020 ที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด
อันดับ 1เที่ยวอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น83.56%
อันดับ 2ไม่ไปเที่ยวในที่คนพลุกพล่าน68.13%
อันดับ 3เลือกสถานที่เที่ยวมากขึ้น66.88%
อันดับ 4เที่ยวสถานที่ใกล้บ้าน58.65%
อันดับ 5เที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ33.67%
2. ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
อันดับ 1 10,001 – 20,000 บาท 26.17%
อันดับ 25,000 – 10,000 บาท 23.72%
อันดับ 320,001 – 30,000 บาท 18.81%
อันดับ 4มากกว่า 30,000 บาท17.23%
อันดับ 5ต่ำกว่า 5,000 บาท 14.07%
3. สิ่งที่อยากให้รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้ คือ
อันดับ 1มีมาตรการป้องกันโควิด-19 เพื่อเที่ยวอย่างปลอดภัย 76.40%
อันดับ 2มีมาตรการเฝ้าระวังอุบัติเหตุจากการท่องเที่ยว 56.33%
อันดับ 3ช่วยเหลือค่าเดินทางท่องเที่ยว เช่น ค่าที่พัก ค่าเครื่องบิน 50.75%
อันดับ 4ออกมาตรการเที่ยวแล้วนำไปลดหย่อนภาษีได้ 44.22%
อันดับ 5ให้คูปองส่วนลดสำหรับการท่องเที่ยว 42.96%
4. “5 จังหวัดยอดฮิต” ที่คนไทยอยากไปท่องเที่ยวมากที่สุด
อันดับ 1เชียงใหม่31.67%
อันดับ 2กรุงเทพมหานคร22.77%
อันดับ 3ชลบุรี20.42%
อันดับ 4น่าน12.83%
อันดับ 5เชียงราย12.31%
5. สิ่งที่กังวลว่าจะกระทบกับการวางแผนการท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้ คือ
อันดับ 1โควิด-19 92.71%
อันดับ 2เศรษฐกิจ56.74%
อันดับ 3สถานะทางการเงิน 47.49%
อันดับ 4สภาพการจราจร 37.62%
อันดับ 5ความคิดเห็นของคนในครอบครัว 32.52%
อาจารย์กมลกนก เกียรติศักดิ์ชัย คณบดีโรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า ท่องเที่ยวปี 2563 นับจากช่วงโควิด-19 เป็นปีที่หนักสำหรับผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยวและการบริการ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเองก็ตาม หลายเดือนผ่านไปจะพบว่า ในฐานะคนไทยปรับตัวได้ดีกว่าชาติใดในโลกก็ว่าได้ วิกฤติต่างๆกลับกลายเป็นโอกาส และหลายคนคว้าโอกาสครั้งนี้ในการเป็นผู้นำทางด้านการท่องเที่ยวและการบริการที่เกี่ยวข้องกัน การปรับตัวทางการท่องเที่ยวเริ่มมาตั้งแต่ระดับนโยบายลงสู่ประชาชน จนกลายเป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวยุคปกติใหม่ (Amazing Thailand Safety and Health Administration: SHA) ที่ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพึงปฏิบัติ จากการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คึกคัก
ผู้ประกอบการเอง ปรับตัวในรูปแบบ Internationalization@Home เช่น สะพานหันปรับตัวเป็นริมคลองเมือง Otaru ที่พักตากอากาศที่จำลองการพักแบบ Igloo ททท.ออกแคมเปญ Chillaxing in Chiangkhan / Cafes Hopping in Khaoyai เป็นต้น บางกลุ่มเป็นตัวอย่างของ Switcher ที่ดี จากโรงแรมที่พักกลายเป็นร้านอาหารในสวน การท่องเที่ยวแบบใหม่ Solo-Dual Traveler กลายเป็นที่นิยม หรือแม้กระทั่งกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่อาศัย Online Media เป็นสื่อกลางก็ได้รับความนิยม อาทิเช่น Virtual Tourism, Podcast, Online exhibition and events เป็นต้น
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจึงกลับมาพร้อมกับการพัฒนาตนเองของบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวและการบริการ Re-skills, Up-skills และ New skills จะเป็นเครื่องมือสำหรับการเตรียมตัว และจะพาการท่องเที่ยวของไทยไปได้ไกลกว่าเดิม