posttoday

วงเสวนาวิพากษ์แบบเรียนลดทอนคุณค่าผู้หญิง-นักเรียนเลวจี้ปฎิรูปการศึกษา

21 ตุลาคม 2563

วงเสวนาวิพากษ์แบบเรียนลดทอนคุณค่าผู้หญิง ต้องแก้ใขให้เสมอภาคกันระหว่างเพศ กลุ่มนักเรียนเลวจี้ปฎิรูปการศึกษา

เมื่อวันที่ 21ตุลาคม 2563 ที่หอศิลปวัฒนธรรมธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายสื่อสร้างสรรค์เพื่อการขับเคลื่อนสังคม จัดเวทีเสวนา “เมื่อแบบเรียนเป็นอุปสรรคต่อความเสมอภาคระหว่างเพศ”

นางสาวศศิธร สรฤทธิ์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ได้ศึกษาข้อมูลเนื้อหาหนังสือเรียน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี2551กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ระดับประถมศึกษาปีที่1- ระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา2561-2563 พบเนื้อหาในหนังสือเรียนสะท้อนความแตกต่างผู้ชายอยู่เหนือผู้หญิงชัดเจน แบบเรียนไม่ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ จึงมีข้อเสนอเพื่อให้กระทรวงศึกษานำไปพิจารณา ดังนี้

1.หลักสูตรแกนกลางต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อความเสมอภาคระหว่างเพศ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมกันทุกเพศ ทุกวัย

2.ปรับปรุง พัฒนา แก้ไข และยกเลิกเนื้อหาแบบเรียนที่กดทับ ตอกย้ำทางความคิดความเชื่อที่มองว่าเพศชายเหนือกว่าเพศอื่นๆ

3.ต้องพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา โดยเฉพาะวิชาชีพครูที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในแนวคิดการเคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกายของตัวเองและผู้อื่น และมีแนวทางการสอนที่สอดคล้องกับช่วงวัยของเด็ก3ช่วง คือ เด็กเล็ก เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น 

4.ผู้บริหารโรงเรียนต้องยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติในการเลือกแบบเรียนที่มีความก้าวหน้า ไม่มีเนื้อหาการละเมิดสิทธิเด็ก

5.ควรพัฒนาให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกเพศทุกวัย เป็นพื้นที่เคารพในเนื้อตัวร่างกายของกันและกัน            

ดร.ชเนตตี ทินนาม อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ศธ.ต้องยกระดับเนื้อหาหลักสูตร เพราะโลกมันไปไกลแล้ว ต้องรื้อถอนวิธีคิดแบบเพศออกไป แล้วเอาคุณลักษณะของความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ก็ต้องมีทางเลือกที่หลากหลาย ไม่ยึดติด ไม่ตีตราเพศใดเพศหนึ่ง ไม่พยายามจัดกล่องให้ผู้หญิงผู้ชายมีคุณลักษณะที่ตายตัว แต่ต้องสามารถเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นคนที่มีคุณค่า และหลักสูตรต้องเน้นให้เด็กรู้จักระบบโครงสร้างวัฒนธรรมต่างๆในสังคม สอนให้รู้เท่าทัน ที่สำคัญหาก ศธ. มีตำราเรียนมีเนื้อหาปรับปรุงใหม่และพร้อมสำหรับเด็กแล้ว ศธ.ต้องสร้างครูผู้สอนรุ่นใหม่ที่มีสำนึกเข้าใจ มีความเท่าเทียม มองเห็นความยุติธรรมในเรื่องเพศ เลิกจัดวางเด็กหญิงเด็กชายลงตามกรอบ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เรามีตำราที่ก้าวหน้า แต่ผู้สอนยังเข้าไม่ถึงตำรา

นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษกฯ กล่าวว่า อำนาจนิยมเป็นการจัดการความกลัวของผู้ที่มีอำนาจ เราไม่กล้าที่จะให้เด็กๆ เติบโตได้ จึงทำให้อำนาจนิยมในโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้ใหญ่ที่ทำงานกับเด็ก ผ่านวาทะกรรมคำว่ารัก ความหวังดี ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาจึงควรทำการปฏิรูปทั้งระบบ ไม่ใช่การปฏิรูปบางส่วนเท่านั้น ตนเองอยากให้การปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาครั้งต่อไปควรเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เข้ามามีบทบาทในการปฏิรูป ระบบการศึกษาของพวกเขา อำนาจนิยมที่กดทับมาเรื่อยเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ในที่สุดจะเกิดการสะสม และจะเกิดเป็นแรงต้านขึ้นมา การเรียกร้องของเด็กๆในวันนี้เป็นสิ่งที่ชอบธรรมมากที่สุด

ขณะที่ ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว เสนอว่า เนื้อหาแบบเรียนตอนนี้ควรแก้ได้แล้ว เพราะไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง ลักษณะแบบนี้มันสะท้อนความคิดผิดเพี้ยนบิดเบี้ยว เช่น รักนวลสงวนตัว ไม่แต่งตัวล่อแหลม คือ เวลาเกิดคดีข่มขืน จะโทษเหยื่อว่าแต่งตัวโป๊

นอกจากนี้ในข้อสอบชอบตั้งคำถาม กับผู้ถูกกระทำ อย่างเรื่องที่เป็นความไม่เท่าเทียมทางเพศ ที่พบเห็นในบทเรียนบอกว่า ผู้ชายเข้มเเข็ง เป็นผู้นำ ผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย ในบทเรียน #saveเกี๊ยว หรือตัวละครหนึ่งในบทเรียนภาษาไทย หนังสือภาษาพาที หนังสือบอกว่าเกี๊ยวทำตัวเเบบนี้เท่ากับผิด หรือบทเรียนเรื่อง ใครทำหน้าที่ภายในบ้าน คำตอบที่ถูกคือ เเม่ ถ้าตอบพ่อคือผิด ซึ่งจริงๆเเล้ว ไม่ควรยัดความคิดเรื่องเเบบนี้ แสดงให้เห็นความล้าหลังของหลักสูตรอย่างเห็นได้ชัดจึงเรียกร้องต่อกระทรวงศึกษาให้ปฎิรูปการศึกษาทั้งระบบ

“สิ่งเหล่านี้มันโยงไปสู่จุดเดิม เป็นระบบอำนาจนิยม เราทุกคนถูกกดทับ แบบเรียนเป็นอุปสรรคล้าหลัง ถูกผลักไม่ให้เห็นคุณค่าของตัวเอง เพศหญิงไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก มันเหมือนถูกผลักให้ต่ำลง สุดท้ายทำให้สังคมมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ทางกลุ่มนักเรียนเลว กำลังทำเคมเปญ นักเรียนแต่งกายแบบที่ต้องการ แบบไหนก็ได้ เพราะเป็นสิทธิ” ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว กล่าว