posttoday

ตำรวจแจง 2 ข้อมูลเท็จที่มีผู้จงใจปล่อยข่าวบิดเบือน เตือนอย่าแชร์ต่อ

18 ตุลาคม 2563

ตำรวจแจง 2 ข้อมูลเท็จที่มีผู้จงใจปล่อยออกมา บิดเบือนปีพ.ศ.ของประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน-ใส่ร้ายตำรวจพ่นสีเพื่อสร้างสถานการณ์

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 63 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. กล่าวระหว่างการแถลงข่าวของ กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) เกี่ยวกับผู้จงใจปล่อยข่าวเท็จหรือ เฟคนิวส์ 2 กรณี ว่า ตามที่มีปรากฏเนื้อหาคำสั่งประกาศของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงฉบับที่ 6/2563 เรื่องกำหนดสถานที่ควบคุมเพิ่มเติม ฉบับลงราชกิจจนุเบกษาเล่มที่ 137 ตอนพิเศษ 244 ง ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 และมีหนังสือสีแดงเขียนว่าโมฆะ

ข้อเท็จจริงดังกล่าวมีการบิดเบือนเรื่องของปี พ.ศ. ที่ประกาศ ซึ่งเป็นปี พ.ศ.2562 โดยประกาศฉบับจริงได้ประกาศลงเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา มีวันเดือนปีที่ถูกต้อง

ผู้กระทำมีเจตนาบิดเบือนให้ผู้อ่านหรือผู้รับข้อมูลเข้าใจว่า ประกาศดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท รวมทั้งยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุ3 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ทั้งนี้ขอความร่วมมืออย่าส่งหรือเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ เพราะผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลต่อ อาจต้องรับโทษด้วย

ส่วนกรณีมีผู้ส่งต่อภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจก้มหน้าทำท่าฉีดสเปรย์สี คำว่า “ภาษีกู” และโพสต์ข้อความว่าตำรวจจอดรถ และนำกระป๋องสีพ่นกลางถนน ห้าแยกลาดพร้าว อย่าเล่นสกปรกมากนะ ผู้ที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวมีเจตนาให้ผู้รับข้อมูล เห็นว่าตำรวจเข้าไปพ่นสีเพื่อสร้างสถานการณ์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงหลังจากเลิกการชุมนุมที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ตำรวจได้ เข้าไปตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ จนพบข้อความที่ไม่เหมาะสมบนพื้นถนนจึงก้มถ่ายรูปเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา การ กระทำในลักษณะนี้ก็มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุ 3 และยังฝ่าฝืน พ.ร.ก.ร้ายแรงอีกด้วย

ภาพจาก http://www.policetv.tv/