posttoday

ศาลรับคดี"บิ๊กโจ๊ก"ถูกฟ้อง-เบิกความเท็จนัดสอบคำให้การ30 มี.ค.63

31 มกราคม 2563

"ผกก.สส.จชต.ภาค 9" ฟ้อง "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องเท็จ-เบิกความเท็จคดีอาญาพาเจ้าของร้านคาราโอเกะคู่คดีโจ๊กหนีคดีเข้าลาว ศาลนัดสอบคำให้การ30มี.ค.62

เมื่อ31 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.63 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่ "พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ" ผกก.สส.จชต.ภาค 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล " หรือบิ๊กโจ๊ก อดีต ผบก.สตม.ซึ่งปัจจุบันถูกโอนย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ , เบิกความเท็จ ซึ่งศาลนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

คดีนี้ โจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า โจทก์เป็นตำรวจ ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.จชต.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.54 จำเลยเจตนานำคดีอาญามาฟ้องโจทก์อันเป็นเท็จต่อศาลอาญา หมายเลขดำ อ.2826/2554 ในข้อหาหรือฐานความผิด ร่วมกันก่อ , ใช้ สั่งการ ก่อ ใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งกล่าวโจทก์เป็นจำเลยที่ 11 ว่าระหว่างเดือน ธ.ค.53 - มิ.ย.54 ได้ร่วมกัน สมคบกัน สั่งการ ก่อ ใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดกับจำเลยอื่น ได้จัดทำหนังสือให้นายเขตสยาม เนาวรังสี ลงลายมือชื่อกล่าวหาบิ๊กโจ๊กว่ากระทำผิดกฎหมายเรียกรับเงินส่วยจากร้านคาราโอเกะเพราะไม่พอใจที่ถูกบิ๊กโจ๊กดุด่าว่ากล่าวในเรื่องการทำงานจนเกือบจะถูกแต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจากกรณีเกียจคร้านละเลยไม่รับผิดชอบงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและโจทก์ให้ความช่วยเหลือนายเขตสยาม จำเลยตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ซึ้งเป็นการฟ้องเท็จในทำนองว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาฐานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จในการปฏิบัติหน้าที่ ตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ซึ่งความจริงการที่นายเขตสยาม ร้องขอความเป็นธรรมเอง เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลร้านคาราโอเกะ ชื่อร้านโบว์ลิ่งเบียร์โดยมีหลักฐานว่าเคยถูกจับกุมดำเนินคดีที่สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อเดือน พ.ย.53 และเคยเบิกความที่ศาลจังหวัดนครพนมในคดีที่บิ๊กโจ๊กได้ฟ้องนายเขตสยาม ข้อหาหมิ่นประมาท ว่าเป็นผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะดังกล่าวจริงและเป็นผู้ร้องเรียนซึ่งการร้องเรียนไปยัง ผบ.ตร.และ ผบ.ช.ก.และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม จ.นครพนมเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจริง

และเมื่อวันที่ 14 พ.ค.55 และวันที่ 25 ธ.ค.55 จำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จต่อศาลอาญาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ฟ้องโจทก์มนคดีหมายเลขดำ อ.2826/2554 ว่าโจทก์และพวก เกือบจะถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจากกรณีเกียจคร้าน ละเลยไม่รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย จึงเชื่อว่าเหตุดังกล่าวทำให้ไม่พอใจบิ๊กโจ๊กจึงสมรู้ร่วมคิดกันกับนายเขตสยาม พาไปที่สำนักงานจเรตำรวจและยังสมรู้ร่วมคิดกันจัดทำหนังสือกล่าวหาบิ๊กโจ๊ก และยังเบิกควสมทำนองว่าช่วงเวลาที่บิ๊กโจ๊กฟ้องนายเขตสยามต่อศาลจังหวัดนครพนม ปรากฏว่านายเขตสยามหลบหนี และในช่วงที่หลบหนีไปอยู่ประเทศลาวได้ติดต่อกับโจทก์ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยตัวโจทก์ เคยได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี ว่าเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น สมควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจ และในรอบปี 2553 หากมีการกล่าวหาโจทก์ว่าเกียจคร้านจริงก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัย แต่โจทก์ก็ไม่เคยถูกดำเนินการทางวินัยดังกล่าวแต่อย่างใด

การกระทำของจำเลยมุ่งใส่ร้ายกลั่นแกล้งโจทก์ ให้ถูกดำเนินคดีอาญาและทำให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ ส่งผลกระทบต่อความเจริญก้าวหน้าต่อตำแหน่งหน้าที่การงานในการรับราชการซึ่งคดีที่จำเลย ฟ้องพวกโจทก์นนั้นศาลอาญามีคำสั่งว่าฟังไม่ได้ว่าโจทก์จะได้กระทำความผิดตามที่จำเลยระบุในฟ้องกรณีดังกล่าวจึงไม่มีมูล โดยจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ต.ค.57ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์กับพวก และคดีถึงที่สุดแล้ว