posttoday

เปิดใจ"บิ๊กโจ๊ก"อดีตนายตำรวจคนดัง ผู้หาญกล้าดับเครื่องชน ผบ.ตร.

20 มกราคม 2563

เปิดใจ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" กับคดีถูกยิงรถจนบานปลายไปสู่ปัญหาการทุจริตไบโอเมตทริกซ์ของสตม.ที่ส่อให้เห็นถึงความขัดแย้งแตกร้าวอย่างรุนแรงกับผบ.ตร.

เปิดใจ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" กับคดีถูกยิงรถจนบานปลายไปสู่ปัญหาการทุจริตไบโอเมตทริกซ์ของสตม.ที่ส่อให้เห็นถึงความขัดแย้งแตกร้าวอย่างรุนแรงกับผบ.ตร.

******************************

โดย...โพสต์ทูเดย์

ในเมื่อคนร้ายยังลอยนวล คดียิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็ยังคงเป็นปริศนาให้ขาเม้าท์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และชาวบ้านทั่วไปวิจารณ์กันไปตามจินตนาการ หรือตามความเชื่อบนข้อมูลพื้นฐานที่ต่างคนต่างได้รับ

วันนี้จึงไปพูดคุยกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถึงคดีที่เกิดขึ้นจนบานปลายไปสู่ปัญหาการทุจริตไบโอเมตทริกซ์ของสตม.ที่ส่อให้เห็นถึงความขัดแย้งแตกร้าวอย่างรุนแรงระหว่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กับผู้นำเบอร์หนึ่งในทุ่งปทุมวัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

ถาม : ตำรวจและชาวบ้านจำนวนมากเขาบอกว่างานนี้ท่านจัดฉาก มันเป็นอย่างไรครับ

“มันไม่มีเหตุผลที่จะจัดฉาก วันนี้ผมจะกลับหรือไม่กลับ (ไปเป็นตำรวจ) มันเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มันไม่ได้เป็นเรื่องเหมือนที่ท่านไปเข้าใจว่า ผมอยากเปลี่ยน ผบ.ตร.โดยให้เป็น รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง แล้วจะเอาผมกลับได้ วันนี้กี่ ผบ.ตร.ก็เอาผมกลับไม่ได้ เพราะผมโอนข้ามหน่วยมาแล้ว เพราะฉะนั้นการจะเอาผมกลับ มันเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี มันไม่มีการจัดฉาก เพราะใครก็ตามโดยย่ำยีอย่างนี้วันนี้ผมหลังพิงฝาแล้ว ที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดแต่ว่า ถ้าเมื่อมันโดนรังแกกันถึงขนาดนี้ ถึงขนาดยิงรถกัน ผมเป็นตำรวจเก่า ผมต้องรู้อยู่แล้วว่าใครทำผม ใครรังแกผม ถ้าคนไม่ใหญ่ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับผมหรอก ไม่มีใครกล้าทำผมอย่างนี้หรอก”

“ที่ผ่านมาผมเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้วเพราะว่ามีอะไร ผู้มีอำนาจก็โยนมาที่ผมทั้งนั้น ไอ้โจ๊กเป็นคนทำ รถบีเอ็มดับบลิวไฟฟ้าไอ้โจ๊กก็เป็นคนทำ ไอ้โจ๊กเป็นคนทำเรื่องไบโอเมทริกซ์ นี่ยังไม่พอเรื่องเรือ สตม. หรือสร้างตึก สตม.ใน สตช. ไอ้โจ๊กก็ทำอีก ผมทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยพูด ลูกน้องก็เข้าใจผมไม่ดี คนรอบข้างก็โทรมาถามผม แต่จริงๆไปดูได้เลยนะครับว่าทั้งหมด ผมไม่เคยทำสักเรื่องหนึ่ง

เรื่องชั่วๆ อย่างนี้ มันต้องไปไล่ดูว่าใครเป็นคนเอางบประมาณจาก สตม.แล้วไปจัดซื้อจัดจ้าง ทำไมถึงไม่ให้ สตม. ทำเอง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ เพราะงบตรงนี้มันไม่ใช่งบแผ่นดิน แต่มันเป็นเงินค่าปรับและค่าธรรมเนียมของ สตม. ถ้าจะใช้เงินส่วนนี้มันต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่นึกจะจัดซื้อจัดจ้างเรือก็ซื้อ ทั้งที่มันไม่มีหน้างานใช้ แล้วตำรวจ ตม.จะไปขับเรือได้อย่างไร ต้องไปไล่ดูต่อไปว่า มันเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนบริษัทไหนรึเปล่า ถูกมั้ยครับ”

ถาม : สาเหตุการยิงรถท่านเกิดจากเรื่องไบโอเมตทริกซ์ ทำไมถึงปักใจเชื่อ ท่านน่าจะมีศัตรูเยอะ ที่ผ่านมาจับทัวร์ศูนย์เหรียญ จับสารพัดแก๊งต่างชาติ จับมาเฟียเงินกู้จำนวนมาก

ผมถามว่าเรื่องไบโอเมทริกซ์ ทำไปได้ยังไง ใช้งบประมาณของ สตม.ถึง 2,000 กว่าล้านบาท ถ้าให้ผมทำจริงๆ มันแค่หลักร้อยล้านไม่ถึง 500 ล้านด้วยซ้ำ ท่านดูอุปกรณ์ที่เขาเปรียบเทียบราคาสิ ราคามันต่างกันตั้งเท่าไหร่ ยี่ห้อเดียวกัน สตม. มาซื้อ 300 กว่าล้าน จริงๆ มันแค่ 36 ล้านต่อชุด มันต่างกัน 10 เท่า ท่านดูสิ ยี่ห้อเดียวกันไม่พอ รุ่นเดียวกันอีก มันเลวร้ายมากนะ

แต่ที่ผ่านมาถามว่าทำไมชอบโยนมาให้ผม เพราะผมอยู่ใกล้กับผู้มีอำนาจ ก็โยนมาให้ผมว่าไอ้โจ๊กมันใหญ่มันทำได้หมด แต่หารู้ไหมว่า ผมเป็นคนทำบันทึกขอยกเลิกสัญญาไป ยังโชคดีที่ผมทำบันทึกขอยกเลิกสัญญาไป(สมัยเป็น ผบช.สตม.) อย่างน้อยก็เป็นเครื่องยืนยันความดีของผมว่า ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้”

“เราเป็นตำรวจเก่า เรารู้ว่าใครจ้องเล่นงานเราอยู่ คือผมก็ต้องเรียนว่า ก่อนหน้านี้ผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นัดผมหลายรอบแล้ว โดยผ่านผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ เขานัดผมเพื่อจะเจรจาขอให้ยุติอะไรต่างๆ ไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้ต่อบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยไปเจอผมปฏิเสธทุกครั้ง ผมขอให้ทำตามกฎหมาย ทำตามหน้าที่ ทำตามระเบียบ ฉะนั้นเมื่อนัดหลายครั้ง รวมถึงสุดท้าย นัดผ่านผู้ใหญ่ที่ผมเคารพมากๆ แต่ผมก็ปฏิเสธ หลังจากนั้นต่อมา ผมก็ทราบแล้วล่ะว่า มีการเช็คทะเบียนรถผม มีการตามผม มีการเช็คว่าผมไปไหนบ้าง

"เราเป็นตำรวจเก่า เราต้องรู้ แล้วสุดท้ายไอ้ตรงร้านนวด ก็มีคนเตือนผมแล้ว พี่โจ๊ก ไม่ต้องมานวดที่นี่แล้วนะ เพราะว่าเขาตามอยู่ แล้วเขาเช็ครถพี่โจ๊ก ทุกคัน ผมก็รู้แล้วว่าวิธีการแบบหมาแก่ แบบเดิมๆ ก็ยิงรถ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือแผนประทุษกรรมเดิมๆ แน่นอนว่ายิงขู่ แน่นอน 100% ไม่มีทางยิงเจ้าตัวหรอก เหมือนเดิม เหมือนเมื่อปี 2559 ยิงรถนักข่าว เหมือนกันแผนประทุษกรรมเดิมๆ แต่ผมไม่เหมือนนักข่าว ผมต้องออกมาพูดให้รู้ไปเลยว่า ประเด็นมันอยู่ตรงไหน แล้วต้องหยุดการกระทำแบบนี้แล้ว พฤติกรรมแบบนี้ คุณเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายคุณทำแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องเป็นเยี่ยงอย่างให้เขา ไม่ใช่มาทำเสียเอง”

เปิดใจ"บิ๊กโจ๊ก"อดีตนายตำรวจคนดัง ผู้หาญกล้าดับเครื่องชน ผบ.ตร.

ถาม : ในวงการตำรวจพูดกันว่า ท่านจะหาพรรคพวกมาทำไบโอเมตทริกซ์แทนเจ้าเดิม

“ไม่มีครับที่จะเอาพวกมาทำ คือผมเรียนเลยว่าชผมไม่สามารถพาพวกมาทำได้ เพราะว่าการจัดซื้อจัดจ้าง เหมือนกัน ชไปออกข่าวว่า ผมจะเอาพวกมาทำ แล้วถามว่าผมจะเอาพวกมาทำได้ยังไง เพราะมันทำมาตั้งแต่ 3 ผู้บัญชาการ (สตม.)มาแล้ว คนที่เอาเงิน สตม.ไป คือ ผู้มีอำนาจใน สตช. ถ้าผมจะเอาพวกมาทำต้องเซ็นจัดซื้อจัดจ้างเองถูกไหมครับ ผมบอกผู้มีอำนาจแล้วว่าพี่ๆจะเอาใครมาทำก็ได้ ผมไม่ว่า แต่พี่ต้องเอาของดีมาให้หน่วย เพราะพี่เป็นผู้มีอำนาจ แต่ผมไม่ได้เซ็นอะไรสักอย่าง

ถามว่า ผบช.สตม. 3 คนในอดีต เขาอึดอัด แต่เขาไม่กล้าแบบผม กลัวผิดใจกัน แต่ผมมันไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้ผ่านมือผมไป โดยผมไม่ทำอย่างนี้ เดี๋ยว ป.ป.ช.ก็เล่นงานผมอีก เรา(สตม.)เป็นหน่วยใช้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นหน่วยใช้ เมื่อเราใช้อยู่ แล้วเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดี ผมก็ไม่มีอำนาจยกเลิก แต่ผมทำความเห็นได้ ว่ามีความเห็นควรยกเลิก”

“วันนี้ผมต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เขามอบงานอะไรมาก็ต้องทำ สำนักนายกรัฐมนตรี มีงานอะไรมา ผมก็ต้องทำ ถึงแม้มีงานอะไรมากน้อย ก็ต้องทำไป แม้ว่าใจอยากกลับไปเป็นตำรวจเพราะเราเป็นตำรวจอาชีพ แต่เราจะไปทะเยอทะยานอย่างนั้นมั้ย

ผมก็ต้องเรียนตรงๆ เลยวันนี้ ว่า ผมลูกนายดาบตำรวจ มาได้ยศ พล.ต.ท.ขนาดนี้ ผมก็บุญมากแล้วจริงๆ แล้ว ที่ผ่านมาหลายคนเตือน บอกว่าเฮ้ย โจ๊ก อายุยังน้อยขนาดนี้ ยังไงเป็น ผบ.ตร. แน่ ไม่ต้องทำงานเยอะแยะ เดี๋ยวเจ็บตัว แต่ผมก็ไม่เคยเชื่อ วันนี้ที่ผมต้องออกมาพูดอย่างนี้ ผมต้องออกมาให้สังคมเห็น ว่า ผมไม่ได้เป็นคนชั่วอย่างนั้น แล้วให้สังคมรับรู้ว่ามันเกิดจากเรื่องอะไร”

ถาม : ไม่ได้เป็นตำรวจแล้วกลัวจะโดนยิงไหม

“ไม่กลัวครับ ผมก็ไปให้การมาแล้ว หลังจากเกิดเหตุประมาณสัก 4-5 วัน ป.ป.ช.ก็เรียกผมไปให้การ อีกอย่างมีเสียงคลิปก็จะเห็นได้ว่ามันก็ยิ่งชัดเจนใหญ่ มันมีที่ไหนไปสั่ง ไปด่าว่าเขา อีกคนหนึ่งไปต่างประเทศไม่รู้ไปทำอะไร อีกคนอยู่ในเมืองไทยก็รักษาการ ผบ.ตร.อยู่ ก็มีอำนาจหน้าที่ ไปสั่งให้เขาหยุดทำหน้าที่ ไปสั่งให้เขาบอกว่า ไม่ต้องลงไปดู โอเคอาจจะพูดได้ว่า ไม่ได้สั่งหยุด แต่ว่าคำพูดนี่มันฟ้องอยู่แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ เรื่องอย่างนี้มันค่อนข้างชัดเจน ใครฟังแรกๆ อาจจะกึ่งๆ แต่ผมมั่นใจว่า จากคลิปนี่ มันเห็นชัดเจน แต่ใครจะพูดยังไงก็ว่ากันไปมันเป็นดุลพินิจ แต่ผมก็ต้องยืนยันตามประเด็นเหล่านี้”

ถาม : ตอนนี้วงการตำรวจและชาวบ้านก็มองว่าท่านขัดแย้งกับ ผบ.ตร. แน่ๆ มีปัญหาอะไรกันหรือไม่

“เรื่องความขัดแย้งอย่างอื่นก็ไม่มีครับ ก็มีเรื่องนี้แหละ ที่มันมีปัญหากันมายาวนาน แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยถึงพี่แป๊ะ (พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.) นะครับ ผมบอกว่า เป็นประเด็นขัดแย้งกับผู้มีอำนาจ(หัวเราะ) ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีประเด็นเดียว เรื่องอื่นผมไม่มี แม้ว่าผมจะเคยไปจับคนร้ายเยอะแยะไปหมด บังคับใช้กฎหมายกับเขาทั่วไปหมด แต่ว่าการจับกุมของผม ผมจับตามกฎหมายผมไม่ได้แกล้งจับเขา หรือผมไม่ได้ไปยัดยาบ้าเขา เพราะฉะนั้นคนที่ถูกผมจับ เขาก็ยอมรับอยู่แล้วว่าเขาผิด ก็ต้องไปต่อสู้ตามวิถีทางของเขาไป แต่เขาไม่ได้โกรธแค้นที่จะต้องมายิงผม ผมไม่ได้ไปข่มขู่ไปอะไรเขาหรือไปปล้นเขา เหมือนหนี้นอกระบบ หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ

“เรื่องของคดีหนี้นอกระบบ ผมจับก็ชัดเจน เขาก็ยอมรับว่า เขาผิดจริง เขาฉ้อฉลใช้กลโกงกับชาวบ้านมาจริง เพราะฉะนั้นหลายๆเรื่องที่จับ เราไม่มีการไปกลั่นแกล้ เขาก็ไม่มีการมาทำร้ายผมเหมือนกัน เหมือนผู้พิพากษาท่านพิจารณาคดี ท่านสั่งจำคุกจำเลย ให้ติดคุก ให้ประหารชีวิต ไม่งั้นอย่างนี้ก็ยิงกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว แต่ญาติพี่น้องเขายอมรับ เพราะว่าญาติพี่น้องเขาทำผิดจริง เพราะฆ่าเขาจริง ข่มขืนเขาจริง”

ถาม : ปัจจุบันท่านกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์อันดีอยู่หรือไม่

ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่อุ้มชูผมมา ผมโตมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะท่าน พล.อ.ประวิตร แต่ทุกวันนี้ผมก็ต้องทำงานในกรอบในหน้าที่ ถามว่า ความกตัญญู ผมยังมีต่อท่านอยู่ 100% เต็ม แล้วก็ท่านก็เมตตาผมอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องงาน ผมก็ไม่ได้ไปทำงานอยู่กับท่าน เพราะว่าผมก็ต้องทำงานตามสายบังคับบัญชา วันนี้ท่านก็ไม่ได้กำกับดูแลตำรวจแล้ว ผมเองก็ในสายงานของผม ผมก็ต้องขึ้นกับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นกับท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม

ถาม : ถ้าพล.อ.ประวิตร เป็นคนกลางนัดให้คุยระหว่าง ผบ.ตร. กับตัวท่าน เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจะคุยหรือไม่

“ผมยินดีพูดคุยแต่ว่าการพูดคุยผมก็ต้องยืนยันตามกฎหมายเหมือนเดิม คืออย่ามาให้ผมต้องทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรืออย่าให้ผมไปทำอะไรที่มันไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ไม่ช้า ไม่เร็ว ก็ต้องรู้ วันนี้ตัวอย่างคดีที่ ป.ป.ช. มีเยอะแยะ ผมมั่นใจว่า บ้านเมืองเรามีพระสยามเทวาธิราช ใครก็ตามฉ้อราษฎร์บังหลวง ฉ้อโกงแผ่นดิน มีอันเป็นไปหมดแหละครับ”

ถาม : ผบ.ตร.คนต่อไป ควรจะเป็นคนยังไง ต้องมีบทบาทเป็นอย่างไรในสายตาท่าน

“วันนี้ผมอยู่นอกวงการแล้ว ก็ต้องเรียนว่า ผบ.ตร.คนต่อไป ต้องมาตัดสินใจ มาแก้ปัญหา เพราะว่าลูกน้องทุกคนเขารอการนำ รอผู้นำ เพราะฉะนั้นผู้นำจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความโปร่งใส ทำให้องค์กรมีความศรัทธาเชื่อมั่น ให้ประชาชนเขาศรัทธาให้ได้ วันนี้จะเห็นได้ว่าโพลเรื่องการบริการ ตำรวจนี่คะแนนต่ำกว่ารถรับจ้างอีก เรื่องเหล่านี้ต้องไปแก้ไข เพราะฉะนั้น ผบ.ตร.เป็นหลักสำคัญโดยเฉพาะต้องกระจายอำนาจ ให้ ผบช. หรือ ผบก.ให้เขาได้ทำไปตามอำนาจหน้าที่

ผมมั่นใจว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น งบประมาณตำรวจมีมากมายมหาศาล ทำอะไรได้หมด แต่ว่าการจัดซื้อจัดจ้างทุกประเภทของหลวงมันต้อง 100% แต่ไม่ใช่มาลดคุณภาพของหลวงเหลือ 80 เพื่อจะให้มีการขอบคุณไปยังที่อื่น มันก็ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นหลักอะไรก็แล้วแต่ ของหลวงมันต้อง 100% เต็ม”

เปิดใจ"บิ๊กโจ๊ก"อดีตนายตำรวจคนดัง ผู้หาญกล้าดับเครื่องชน ผบ.ตร.

ถาม : คดียิงรถตอนนี้ยังจับไม่ได้ มองว่า ตำรวจจริงจังกับคดีมากแค่ไหน ท่านได้ให้ลูกน้องเก่าที่เป็นตำรวจสืบสวนคดีเองด้วยหรือไม่

“เรื่องการแกะรอยนี่ ผมตำรวจเก่า ผมก็มีทำไปเยอะพอสมควร ไม่งั้นผมก็จะไม่รู้หรอกว่าใครทำอะไรผมบ้าง แต่ว่าเรื่องการจับกุม มันก็เหมือนอย่างที่คลิปเสียงออกมา เมื่อคลิปออกมาอย่างนั้น มันก็เป็นสิ่งที่เห็นอยู่แล้ว ว่าจะจับได้หรือไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมทำใจอยู่แล้วและผมก็ไม่ได้ติดตามคดีเลยนะ ผมไม่ได้สนใจ เพราะผมก็รู้อยู่แล้วว่า คงจะจับไม่ได้ ก็เล่นสั่งอย่างนี้ มันจะไปจับได้อย่างไร”

ถาม : ถ้าได้กลับไปเป็นตำรวจอีกท่านจะทำอะไรเป็นอย่างแรก

“สิ่งที่ผมตั้งใจและใฝ่ฝัน คือ จะทำให้โรงพักทั่วประเทศเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ไม่ได้หมายความว่าทุกวันนี้พึ่งพาไม่ได้ แต่หมายความว่าตั้งใจจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง แล้วก็ทำให้โรงพักทั่วทั้งประเทศเมื่อประชาชนเข้ามาแล้ว ต้องรู้สึกเชื่อมั่น ห้องน้ำ ห้องส้วม ต้องสะอาด

ห้องที่ดีที่สุดในโรงพัก ต้องไม่ใช่ห้องทำงานผู้กำกับการ แต่ห้องที่ดีที่สุด คือ ห้องร้อยเวร ห้องที่ไม่ดี ห้องที่ธรรมดา คือ ห้องผู้กำกับฯ เพราะใช้อยู่คนเดียว ห้องที่ดีที่สุด คือ ห้องร้อยเวร เพราะชาวบ้านต้องมาทุกวัน แล้วไม่ใช่สวยแต่รูป จูบไม่หอม คือมาแล้ว สำนวนคดีต้องเร็ว สำนวนต้องไม่ค้าง ผมตั้งใจจะลงไปดูงานสอบสวน ไปช่วยให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องยิงตัวตาย ไม่ต้องฆ่าตัวตาย สร้างขวัญกำลังใจให้เขาจะได้ไม่เบื่อหน่ายงานสอบสวน

“วันนี้มันต้องไปคิดตรงนี้หลายส่วนต้องช่วยกัน ไม่ใช่ว่าผมเก่งคนเดียวแต่ต้องไปทำให้งานสอบสวนมันรุดหน้า ก้าวหน้า ถึงแม้ว่ามันอาจจะน่าเบื่อสักหน่อย แต่ว่ามันก็ต้องทำ เพราะว่าหัวใจหรือจุดแตกหักของตำรวจ มันไม่ได้อยู่ที่กองบัญชาการ ไม่ได้อยู่ที่กองบังคับการ มันอยู่ที่ข้างล่าง คือ โรงพัก เมื่อไหร่ที่โรงพักทั่วทั้งประเทศ ประชาชนเขาชมเชย ผมพูดได้เลยว่าตำรวจจะแข็งแกร่งมาก”

ถาม : ท่านยังมีอายุราชการเหลืออีกนาน ยังมีหวังจะได้เป็น ผบ.ตร. หรือไม่

ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็น ผบ.ตร. การเป็น ผบ.ตร.มันเป็นเรื่องของบุญวาสนา ไปดูสิครับ รอง ผบ.ตร. ตั้งหลายท่าน เป็น รอง ผบ.ตร.ตั้ง 6 ปี ยังไม่ได้เป็น ผบ.ตร.เลย ท่านก็เห็นมา เพราะฉะนั้นเรื่อง ผบ.ตร.มันต้องไม่คิด แต่ว่าวันนี้เรื่องที่ต้องคิดคือ คิดอย่างเดียวว่า จะฝากอะไรให้ตำรวจเจริญ จะฝากอะไรให้ประชาชนเขาคิดถึงตำรวจ เขารู้สึกว่าตำรวจในยุคเรามันมั่นใจได้ มันมีการปราบปรามอาชญากรรม มันมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม โรงพักต้องทำให้ชาวบ้านอุ่นใจ เวลาของหายมีตำรวจมาเต็มบ้านเลย แต่ไม่ใช่แบบรถชนรอนานมาก แล้วไม่มีใครมาดูที่เกิดเหตุเลย สิ่งที่ต้องทำให้ตำรวจอีกเรื่องก็คือ มันต้องไปพัฒนาแฟลต สร้างแฟลตเพิ่ม ทาสีใหม่ ให้ตำรวจเขาอยู่สบาย อยู่ดีได้ระดับหนึ่ง”

ถาม : ท่านจะตรวจสอบการทุจริตของตำรวจในหลายๆเรื่อง

“ถ้าจะไปตรวจสอบทุกเรื่องผมคิดว่ามันเป็นการเอาเรื่องไปแฉกันเปล่าๆ กรณีผมเปิดหน้าอย่างนี้เพราะมันเป็นงานในความรับผิดชอบของผมเองก่อนหน้านี้ แล้วเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับผมอยู่แล้ว หลายคนโทรมาหาผม ว่า ผมทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมก็บอกว่าผมไม่รู้เรื่องผมไม่เคยทำ ผมไม่ได้ทำสักอย่าง และผมไม่เคยไม่มีอำนาจที่จะเอาบริษัทของตัวเองมา เพราะอำนาจจัดซื้อจัดจ้าง มันไม่ได้เป็นอำนาจของผม มันถูกโอนงบไปที่ส่วนกลางแล้ว คนจัดซื้อจัดจ้าง มันไม่ใช่ผม ถ้าเป็นของผมเอง อย่างนี้ค่อยมาว่าผมได้”