posttoday

"เอาแบบพอประมาณ ผมโดนรังแกมาเยอะแล้ว พอเสียที" เปิดใจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

09 มกราคม 2563

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดใจรู้สึกท้อแท้กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตำหนิรอง ผบ.ตร.ที่ตามคดีรถถูกยิง เปรียบถ้าเป็นผู้นำแล้วสั่งแบบนี้ลาออกดีกว่า ลั่นพอเสียที-ถูกรังแกมาเยอะแล้ว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดใจรู้สึกท้อแท้กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตำหนิรอง ผบ.ตร.ที่ตามคดีรถถูกยิง เปรียบถ้าเป็นผู้นำแล้วสั่งแบบนี้ลาออกดีกว่า ลั่นพอเสียที-ถูกรังแกมาเยอะแล้ว

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ออกมาให้สัมภาษ์ณ์เปิดใจผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หลังมีคลิปเสียงหลุดระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ประเด็นเกี่ยวกับคดีคนร้ายก่อเหตุยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า รู้ตัวคนสั่งการก่อเหตุแล้วคือผู้มีอำนาจที่อยู่ในแวดวงเดียวกันและเหนือกว่าตน ซึ่งมีปัญหาจากกรณีขอให้ยุติ การเดินหน้าเรียกร้องให้ยกเลิกสัญญาการจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ หรือเครื่องพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายใบหน้า ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีปัญหามา 3 ยุคผบ.ตร. เพื่อจะให้ดำเนินการให้ถูกต้อง

"ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับผมหรอก ถ้าไม่ใช่เป็นผู้มีอำนาจ"

อดีต ผบช.สตม. เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวผู้มีอำนาจคนนี้ยังได้เรียก รอง ผบ.ตร.เพื่อให้เซ็นรับเรื่องดังกล่าว ทั้งที่งานยังไม่เสร็จ และจะให้ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบช.สตม. เพื่อเป็นการตอบแทน แต่ รอง ผบ.ตร.คนดังกล่าวไม่ดำเนินการตาม

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าประเด็นดังกล่าวคือสาเหตุที่ทำให้หลุดจากตำแหน่ง ผบช.สตม. หรือไม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่และไม่เกี่ยวข้องกัน

ส่วนกรณีคลิปเสียง พล.ต.อ.จักรทิพย์ โทรศัพท์หา พล.ต.อ.วิระชัย เพื่อวิจารณ์ถึงการทำงานในคดีดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เผยความรู้สึกว่า รู้สึกหดหู่ใจเมื่อได้ฟัง

"ผมไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน ถ้าเป็นผู้นำองค์กรแล้วสั่งแบบนี้ อีกคนอยู่ต่างประเทศ อีกคนเขารักษาการ ผบ.ตร.อยู่ เค้าก็ทำตามหน้าที่ ผมต้องเรียนตรงๆว่า คือวันนี้ผมหดหู่ใจอยู่แล้ว ไอเรื่องจับคนร้ายนี้ ผมดูแล้วต้องทำใจ"

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยเจอ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เจอเพียง พล.ต.อ.วิระชัย ที่ออกมาในฐานะผู้แทนขององค์กร ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้ผู้นำองค์กรต้องออกมาเพื่อทำให้สังคมไม่คลางแคลงใจ

"สั่งอย่างนี้สั่งเพื่อองค์กร หรือสั่งเพื่อตนเอง หรือสั่งเพื่ออะไร"

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อกรณีคลิปเสียงต่ออีกว่า "การไปสั่งแบบนี้ผมถามว่าถ้าใครฟังคลิปแบบนี้ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจะรู้สึกยังไงรู้สึกดีไหม หรือว่ารู้สึกท้อแท้ใจ เพราะว่าการเป็นผู้บังคับบัญชาคน ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรวันนี้ ผมต้องสั่งให้เร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้ภายใน 2 วัน ไล่กล้องติดตามเอาตัวมาลงโทษให้ได้ ทำความจริงให้ปรากฎ และเอาไปแถลงข่าวร่วมกันเพื่อว่าเราทำอย่างเต็มที่แล้ว

ที่ไปมองว่าผมรู้กัน เอื้อกันไปพูดอย่างนี้ได้ยังไง ถามว่าเป็นผมบ้างวันนี้สังคมต้องเข้าใจผมบ้างที่ออกมาแบบนี้เพราะโดนมาเยอะแล้ว"

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าไม่กลัวว่าจะเป็นการแตกหักหรือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า "วันนี้ผมต้องทำแบบนี้ ถ้าใครไม่เป็นแบบผมว่าไม่รู้"

เมื่อถามต่อว่าการที่เปิดหน้าชกแบบนี้จะกลับมาหรือไม่ ผบช.สตม. ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวเรื่องกลับมาและไม่ได้คิดเลย เพราะโดนมาเยอะแล้วและต้องพอเสียทีเรื่องการบิดเบือข้อเท็จริงให้สังคม เหมือนกรณียิงรถนักข่าวปี 59

"ผมไม่ใช่แบบนั้น อย่ามาทำแบบนี้กับผม คือเอาแบบพอประมาณ ผมมันโดนรังแกมาเยอะแล้ว มันต้องพอเสียที"

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรม ผมไม่ได้ว่าใคร แต่ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรแล้วผมไปสั่งแบบนี้ ผมลาออกดีกว่า ผมอยู่ไม่ได้หรอก เพราะจะให้ประชาชนเข้ามั่นใจได้อย่างไร

ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนพร้อมพูดคุยและไม่ตำหนิใคร