รับมือภัยแล้งฝั่งตะวันออก ระดมทุกฝ่ายประหยัด เร่งตุนน้ำใช้ บริโภค-เกษตร-อุตสาหกรรม
กรมชลประทาน จับมือกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน ขันน๊อตแผนบริหารน้ำหน้าแล้ง หลังน้ำใช้การได้ ลดลงกว่า 50%
กรมชลประทาน จับมือกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน ขันน๊อตแผนบริหารน้ำหน้าแล้ง หลังน้ำใช้การได้ ลดลงกว่า 50%
นายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 9 (สชป.9) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ประปา เกษตรกรรมและประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ถึง แผนการบริหารจัดการน้ำในช่วงหน้าแล้ง ว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำใน8 จังหวัด มีปริมาณ 1,474 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือปริมาณ 53% ของความจุทั้งหมด มีน้ำใช้การได้ 1,344 ล้านลบ.ม. ซึ่งปริมาณน้ำรวมปี 2562 น้อยกว่า ปี 2561 ประมาณ 569 ล้านลบ.ม. หรือ 47.70%
ดังนั้นในการวางแผนบริหารการใช้น้ำ ต้องหารือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยต้องจัดสรรน้ำเพื่อการบริโภค อุปโภค เพื่อรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก และในการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออก จะใช้ฐานตัวเลขในสถานการณ์วิกฤติแล้งสุดในรอบ 30 ปีของภาคตะวันออก คือปี 2547/2548 มาเป็นเกณฑ์ ซึ่งมั่นใจว่าจากความร่วมมือครั้งนี้จะไม่เกิดปัญหาแย่งน้ำซ้ำรอยแน่นอน อย่างไรก็ตามหากท้ายที่สุดมีวิกฤติคาดไม่ถึงก็อาจต้องใช้น้ำก้นอ่าง แต่จากแผนคิดว่าจะไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น
สำหรับแผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 พื้นที่ภาคตะวันออก 8 จังหวัด แบ่งเป็นเพื่ออุปโภคบริโภค 146 ล้านลบ.ม. เพื่อการเกษตร 772 ล้านลบ.ม. รักษาระบบนิเวศ 271 ล้านลบ.ม. ด้านอุตสาหกรรม 173ล้านลบ.ม. ปัจจุบัน(ณวันที่ 12 ธ.ค. 62) จัดสรรแล้ว 328 ล้านลบ.ม. หรือน้ำตามแผนอีก1,200 ล้านลบ.ม.
"ความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรม ประมาณ 257 ล้านลบ.ม. ดังนั้นน้ำที่จัดให้ไม่พอขาดไป 100 ล้านลบ.ม. ซึ่งจะไม่แตะต้องน้ำที่จัดสรรเพื่อการเกษตรและในกิจการที่วางไว้ กรมชลฯจึงได้ร่วมกับภาคเอกชนว่าจะหาน้ำทดแทนที่ขาดไปจากไหน โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนลดการใช้น้ำลง10% และในส่วนของบริษัท อีสวอเตอร์ให้จัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่ม ณ วันนี้สามารถหาได้ประมาณ 20 ล้านลบ.ม.จากระยอง 12 ล้านลบ.ม.และ จากฉะเชิงเทรา 8 ล้านลบ.ม. และช่วยกันลดความสูญเสียอีกประมาณ 5 ล้านลบ.ม. คาดว่าจะได้น้ำส่วนที่ขาดไปคืนกลับมาประมาณ 70 ล้านลบ.ม. อีกทั้งระหว่างนี้จะมีน้ำเข้าเขื่อน ประมาณ 20 ล้านลบ.ม. จึงคาดว่า ณ เดือน มิ.ย. 63 จะมีน้ำสำหรับการใช้การฤดูต่อไปประมาณ 447 ล้านลบ.ม.ในช่วงฝนทิ้งช่วง" นายสุชาติกล่าว
นอกจากนั้นยังได้เร่งโครงการเชื่อมโครงข่ายน้ำเพื่อเติมในอ่างที่ขาดแคลน เช่นการผันน้ำจากอ่างคลองหลวงมาเติมน้ำช่วยชลบุรีมากกว่า10 ล้านลบ.ม. การสูบผันน้ำจากอ่างดอกกราย หนองปลาไหลและหนองใหญ่ ถึง มิ.ย. 63รวม 55.8ล้านลบ.ม. และให้มีการวางระบบติดตามการใช้น้ำของทุกภาคส่วนไม่ให้เกินแผน โดยให้ติดตามตัวเลขการใช้น้ำเป็นรายวันเพื่อตรวจว่าใครที่ใช้ไม่ตามแผน
น.ส.รัตนา เพ็ชรสูงเนิน เลขานุการกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานตำบลวังหน้า ตัวแทนเกษตรกรอ่างเก็บน้ำประแสร์ กล่าวว่า จากข้อตกลงของกลุ่มผู้ใช้น้ำ ได้จัดสรรให้ทางกลุ่มนี้ประมาณ 20 ล้านลบ.ม. จะได้ใช้เดือนม.ค.63 ขณะนี้เกษตรกร ต้องวางแผนเตรียมสูบน้ำ เพราะขณะนี้เริ่มแห้ง ป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อสวนทุเรียน อย่างไรก็ตามพอใจกับการประชุมและการจัดสรรน้ำที่ได้ แต่ขอให้เร่งในเรื่องเงินค่าไฟฟ้า เนื่องจากควรจะมีการสูบน้ำเข้าสวนก่อนสิ้นเดือนธ.ค. นี้ เพราะน้ำในคลองธรรมชาติลดลงมาก
นายบุญยืน เลาหวิทยะรัตน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวว่า เมื่อสชป. 9 มั่นใจว่ามีน้ำเพียงพอ ก็พอใจ เพราะเดิมบอกว่าจะมีน้ำเพียงพอถึงเดือนมิ.ย. 2563 ต่อมามีข่าวว่าใช้ได้ถึงเดือนเม.ย.2563 ซึ่งจากที่เคยมีประสบการณ์เมื่อปี 47/48 ทราบดีว่าถ้าไม่รักษากติกาจะมีปัญหา ดังนั้นภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมมือ ขณะเดียวกันเรียกร้องให้รัฐบาลที่สนับสนุนอีอีซี ควรเร่งพิจารณาโครงการที่จะเก็บน้ำเพิ่มด้วยโดยเฉพาะช่วยเป็นตัวกลางในการประสานระหว่างกรมชลฯกับกรมป่าไม้ ขอใช้พื้นที่โครงการคลองวังโตนด เพื่อที่จะได้เดินหน้าโครงการในพื้นที่จันทบุรีสามารถช่วยโครงการอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้