posttoday

อัยการสั่งฟ้องแล้ว! 11 ข้อหา 3 ผู้ต้องหาวางบึ้มหน้า สตช.-สำนักงานปลัดกลาโหม

08 พฤศจิกายน 2562

อัยการฟ้องแล้ว 11 ข้อหา หนักก่อการร้าย-อั้งยี่ซ่องโจร ศาลอาญา นัดตรวจหลักฐาน 16 ธ.ค.หลังจำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนพวก 18 รายรอตามตัวตามหมายจับ

อัยการฟ้องแล้ว 11 ข้อหา หนักก่อการร้าย-อั้งยี่ซ่องโจร ศาลอาญา นัดตรวจหลักฐาน 16 ธ.ค.หลังจำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนพวก 18 รายรอตามตัวตามหมายจับ

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62 นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีระเบิดหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และพื้นที่ กทม. - อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงวันที่ 1-2 ส.ค.62 โดยพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการเมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 ว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด พิจารณาสำนวนแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกข้อหา โดยส่งสำนวนให้อัยการสำนักงานคดีอาญา 6 รับผิดชอบการร่างคำฟ้องคดีและได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา มีจำเลย 3 คนซึ่งจำเลยดังกล่าวถูกควบคุมตัวในชั้นฝากขังอยู่ในเรือนจำ โดยการสั่งคดีและยื่นฟ้องนั้นก็อยู่ในช่วงกำหนดฝากขังสุดท้ายพอดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายลูไอ อายุ 22 ปี เป็นจำเลยที่ 1 , นายวิลดัน อายุ 27 ปี จำเลยที่ 2 และนายมูฮัมมัดอิลฮัม อายุ 27 ปี จำเลยที่ 3 ทั้งสามภูมิลำเนา จ.นราธิวาส ในความผิดรวม 11 ข้อหา ฐานร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ โดยมีความมุ่งหมายสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน, ซ่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น , ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส , ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า , พาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันทำ ใช้ มีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ และ มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.- 1 ส.ค.62 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีพฤติการณ์สมคบเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร เข้าเป็นสมาชิกคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยสมคบร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย พยายามฆ่าหรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ประเทศมาเลเซีย , อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เกี่ยวพันกัน และระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.62 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันก่อการ้ายโดยใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและอันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายเสรีภาพของผู้อื่น

ซึ่งจำเลยกับพวกร่วมทำและมีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง-ระเบิดเพลิงแสวงเครื่อง 7 ลูกที่ประกอบระบบไฟฟ้า ใช้วงจรเวลาจุดระเบิด ประกอบวัตถุระเบิดชนิด PETN ใส่ในกระป๋องมันฝรั่งและกล่องน้ำผลไม้ มีโลหะลูกปรายหรือลูกเหล็กกลมเป็นสะเก็ดระเบิดซึ่งไม่มีใช้ในราชการ รัศมีอันตราย 10-15 เมตรจากจุดระเบิด ซึ่งพวกจำเลยแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันทำนำวัตถุระเบิดนั้นไปวางตามสถานที่ราชการ-ทางสาธารณะที่มีผู้สัญจรไปมา รวมทั้งอาคารห้างสรรพสินค้าในเขตท้องที่ กทม.และนนทบุรี โดยวันที่ 1 ส.ค.62 พวกจำเลยนำระเบิด 2 ลูก ไปที่ ถ.พระรามที่ 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กทม. แต่ไม่บรรลุผลการระเบิดเนื่องจากมีบุคคลพบเห็นแล้วแจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานเก็บกู้ได้ทัน

ขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.62 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกนำระเบิดไปวางไว้ที่หน้าป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถ.ศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนทำให้เกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้ป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับความเสียหาย และช่วงวันดังกล่าว ยังนำระเบิด 4 ลูกไปที่ ถนนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B รัฐประศาสนภักดี และด้านหน้ารั้ว อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 7 แขวงทุ่งสอง เขตหลักสี่ กทม. ซึ่งเป็นการนำอาวุธไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร

นอกจากนี้จำเลยทั้งสามกับพวก ยังได้ทำการก่อการร้ายแบบนี้ทั้งหมด 47 ครั้ง เหตุเกิดที่ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ , แขวงทุ่งสองห้อง เขตแจ้งวัฒนะ กทม. , ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดของกลางได้ ระหว่างวันที่ 2-10ส.ค.62 และจับกุมจำเลยทั้งสามได้วันที่ 13 ส.ค. , 2 ก.ย.62 ชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ

ขณะที่ ศาลอาญา ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2913/2562 และได้เบิกตัวจำเลยที่ 1-3 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และสอบคำให้การแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้งสามให้ปฏิเสธ ศาลจึงกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนกล่าวหาผู้ต้องหา รวม 21 คน ซึ่งชั้นส่งสำนวนให้อัยการนั้นยังไม่ได้ตัวมาส่งให้อัยการ 18 คน คือผู้ต้องหาที่ 3 - 20 ที่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญาออกหมายจับไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ย.62 ซึ่งคดีมีอายุความในการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายใน 20 ปี ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวตามขั้นตอนของกฎหมาย

ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด มีภูมิลำเนากลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้