posttoday

เปิดคำพิพากษาศาลตัดสินจำคุกเสี่ยท็อป6เดือนคดีเช็คเด้งซื้อคลินิกเสริมความงาม

18 ตุลาคม 2562

เสี่ยกำมะลอหมื่นล้านอดีตสามีพริตตี้ถูกคุมตัวไปฟังคำพิพากษาศาลคดีเช็คเด้งซื้อคลินิกเสริมความงามเมื่อปี59แต่หนีไม่มาฟังคำตัดสินถูกจำคุก6เดือนส่งเข้าเรือนจำทันที

เสี่ยกำมะลอหมื่นล้านอดีตสามีพริตตี้ถูกคุมตัวไปฟังคำพิพากษาศาลคดีเช็คเด้งซื้อคลินิกเสริมความงามเมื่อปี59แต่หนีไม่มาฟังคำตัดสินถูกจำคุก6เดือนส่งเข้าเรือนจำทันที

เมื่อวันที่ 18ต.ค.2562 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้คุมตัวนายธนณัฏฐ์ สิริปิยพร หรือเสี่ยท็อป อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างพิจารณาศาลแขวงพระนครเหนือ คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.8062/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.9319/2559 ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่งหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลในปี พ.ศ.2559 ศาลแขวงพระนครเหนือจึงออกหมายจับลงวันที่ 14 พ.ย. 2559 จึงมีการคุมตัวนายธนณัฏฐ์มาบังคับตามคำพิพากษาในวันนี้

คำฟ้องคดีระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2557 น.ส.สุภาพรณ์ อัมภาพันธุ์กิจ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ในคดีออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คโดย น.ส.สุภาพรณ์ได้รับการติดต่อจากนายธนณัฏฐ์ เพื่อที่จะขอซื้อคลินิกเสริมความงามชื่อ"ไอซิสคลินิก"ที่น.ส.สุภาพรณ์ เป็นเจ้าของ โดยพูดสร้างความน่าเชื่อถือ พูดจาหว่านล้อมต่างๆ จนทำให้ น.ส.สุภาพรณ์ตัดสินใจขายคลินิกให้แก่นายธนณัฏฐ์ ในราคา 8 ล้าน 5 แสนบาท

นายธนณัฏฐ์ได้สั่งจ่ายเช็คให้ น.ส.สุภาพรณ์ แต่หลังจากที่ น.ส.สุภาพรณ์ นำเช็คไปขึ้นเงินธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน และหลังจากนั้นนายธนณัฏฐ์ได้นำชื่อคลินิกไปใช้ในการแอบอ้างหลอกลวงผู้อื่นในทางเสียหาย จนทำให้คลินิกของ น.ส.สุภาพรณ์ เสียชื่อเสียงอย่างมาก น.ส.สุภาพรณ์ จึงดำเนินคดีนายธนณัฏฐ์ให้ถึงที่สุดเพื่อให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว

ภายหลัง ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรพล สินธุนาวา ทนายความของนายธนณัฏฐ์ เปิดเผยถึงข้อมูลคดีนี้ว่า เมื่อปี 2559 เสี่ยท็อปได้ตกลงกับคู่ค้าจะลงทุนทำธุรกิจเสริมความวงเงิน 8 ล้านต่อรองลงมาเหลือ 4.5 ล้านบาท และตกลงกันล่าสุดเหลือ 1 ล้านบาท โดยเสี่ยท็อปได้จ่ายเป็นเช็คให้ แต่เช็คไม่สามารถขึ้นเงินได้ หรือเช็คเด้งทำให้คู่กรณีมาฟ้องร้องเสี่ยท็อป ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ มารดาของเสี่ยท็อปจึงได้นำโฉนดที่ดิน ที่ลำลูกกาคลอง 4 มาวางไว้เพื่อเป็นหลักค้ำประกัน ว่าจะนำเงินมาชดใช้ให้ในภายหลัง ซึ่งขณะนี้โฉนดที่ดินก็ยังอยู่กับคู่กรณี และยังไม่มีการเซ็นต์โอนที่ดินให้กันแต่อย่างใด

เมื่อถึงวันฟังคำพิพากษาวันที่ 14 พ.ย.2559 เสี่ยท็อปกลับไม่มาฟังคำพิพากษา และไม่อ้างเหตุแห่งความจำเป็น โดยอ้างว่าเพียงว่าติดภารกิจที่ต่างประเทศ ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย สั่งจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับให้ออกหมายจับจำเลยไว้ จากนั้นเสี่ยท็อปไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทำให้ขาดอุทธรณ์และทำให้คดีถึงที่สุดแล้ว

หลังจากตำรวจติดตามจับกุมตัวเสี่ยท็อปได้จึงนำส่งศาล ศาลได้แจ้งผลคำพิพากษาให้เสี่ยท็อปทราบว่า คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว และให้รับโทษตามคำพิพากษาคือ จำคุก 6 เดือน จึงต้องส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยญาติจะไปเยี่ยมเสี่ยท็อปที่เรือนจำฯ ในช่วงบ่ายนี้

ทนายความยังระบุด้วยว่า ตัวเสี่ยท็อปเองอ้างว่ามีความกังวลเรื่องของสุขภาพ เนื่องจากเป็นโรคเบาหวาน และกังวลเรื่องเงินจากการทำธุรกิจที่จะได้รับประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นธุรกิจด้านไหน เกี่ยวกับเรื่องอะไร