posttoday

ไล่ออก!6เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯรวมหัวทำใบเสร็จเท็จเบิกเงินเที่ยวกาญจนบุรี

17 ตุลาคม 2562

สตง.ฟันเจ้าหน้าที่สถานสถานพินิจฯสุพรรณบุรีออกใบเสร็จเท็จเบิกจ่ายเงินโครงการแผนยุทธศาสตร์รบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดไปเที่ยวกาญจนบุรีทำให้ราชการเสียหาย1.8แสนบาทเจอโทษขั้นสูงสุดไล่ออก6คน

สตง.ฟันเจ้าหน้าที่กรมสถานพินิจฯสุพรรณบุรีออกใบเสร็จเท็จเบิกจ่ายเงินโครงการแผนยุทธศาสตร์รบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดไปเที่ยวกาญจนบุรีทำให้ราชการเสียหาย1.8แสนบาทเจอโทษขั้นสูงสุดไล่ออก6คน

นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ สตง. ได้ตรวจสอบเรื่องการจัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนยุทธศาสตร์สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมการรองรับคุณภาพซ้ำ (Re-Accredit) ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีทักษะที่จำเป็นในด้านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดและให้บุคลากรตระหนักถึงความสำคัญของการให้บริการ บทบาทหน้าที่ และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุพรรณบุรี มีแผนยุทธศาสตร์ด้านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2558–2560 โดยกำหนดดำเนินโครงการ จำนวน ๒ รุ่น งบประมาณ 182,000 บาท ซึ่งถูกตั้งประเด็นข้อสงสัยว่า ดำเนินการโดยชอบด้วยระเบียบ กฎหมายหรือไม่ จากการตรวจสอบของ สตง. สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ดังนี้

สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุพรรณบุรี ได้จัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำยุทธศาสตร์สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเตรียมความพร้อม การรองรับคุณภาพซ้ำ (Re-Accredit) โดยมีกำหนดการดำเนินโครงการจำนวน 2 รุ่น รุ่นที่ 1 วันที่ 21 - 22 สิงหาคม 2557 และรุ่นที่ 2 วันที่ 4-5 กันยายน 2557 ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยในช่วงเวลาดังกล่าวคณะวิทยากรไม่ได้เดินทางไปบรรยายให้ความรู้และไม่มีการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการประชุม
เชิงปฏิบัติการจัดทำแผนยุทธศาสตร์แต่อย่างใด แต่เป็นการให้ผู้เข้าร่วมโครงการเดินทางท่องเที่ยว ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี

ต่อมาภายหลังเสร็จสิ้นโครงการ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการจัดทำเอกสารเพื่อส่งใช้เงินยืม รวมใบสำคัญจำนวน 26 ฉบับ เป็นเงิน 182,000 บาท โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ลงลายมือชื่อตรวจรับในใบสำคัญไว้เป็นหลักฐานทุกฉบับ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการเงินและบัญชีได้ลงนามท้ายบันทึกข้อความส่งใช้เงินยืมดังกล่าวว่าตรวจสอบแล้ว และได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยไม่มีผู้ทักท้วงแต่อย่างใด ทั้งที่ทราบว่ารายการค่าใช้จ่ายบางรายการไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง อาทิ ใบสำคัญรับเงินค่าตอบแทนวิทยากร ซึ่งวิทยากรไม่ได้เดินทางไปบรรยายให้ความรู้และไม่ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่กำหนด เป็นต้น

การส่งใช้เงินยืมดังกล่าว จึงเป็นการจัดทำเอกสารหลักฐานส่งใช้เงินยืมอันเป็นเท็จ อีกทั้ง การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเบิกเงินโดยไม่มีสิทธิ ทำให้ราชการได้รับความเสียหายและมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริต สตง. จึงได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางอาญา ทางละเมิด และทางวินัยอย่างร้ายแรงกับผู้กระทำความผิด ตามนัยมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2552 และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ สตง.ทราบ ต่อไป

ล่าสุด สตง. ได้รับแจ้งผลการดำเนินการทางวินัยและทางละเมิดเรียบร้อยแล้ว กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นว่าการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเบิกโดยไม่มีสิทธิและเป็นการเบิกจ่ายจากการทำเอกสารหลักฐานเท็จทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐด้วยความจงใจ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 8 ราย ซึ่งมีส่วนรู้เห็นจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้
ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนให้แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในส่วนของความผิดทางวินัย กระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งลงโทษทางวินัยไล่ออกจากราชการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 รายแล้ว สำหรับกรณีความผิดทางอาญา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 (จังหวัดนครปฐม) ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงาน ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ

“จากผลการตรวจสอบดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสามารถนำเงินแผ่นดินคืนจากผู้กระทำการทุจริตและมีการลงโทษทางวินัยกับผู้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ อีกทั้งยังเป็นการป้องปรามมิให้เกิดการกระทำความผิดในกรณีเดียวกันนี้อีก” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินกล่าว