ละครการเมือง! หมอจุ๊ก มองท่าที 3 พรรครัฐบาลต่อปมแบนสารพิษ
นพ.สุภัทร มองกระแส 3 พรรคร่วมรัฐบาลแบนสารพิษคือละครปาหี่การเมือง ชวนประชาชนกดดันให้หนัก
นพ.สุภัทร มองกระแส 3 พรรคร่วมรัฐบาลแบนสารพิษคือละครปาหี่การเมือง ชวนประชาชนกดดันให้หนัก
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ หรือ หมอจุ๊ก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ โพสต์เฟซบุ๊กถึงท่าทีการเคลื่อนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล และคาดการณ์ถึงบทสรุปการดำเนินการแบนสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร ว่า พาราควอต ละครปาหี่เวทีการเมืองที่คงอีกยาว
หมอจุ๊ก ระบุว่า ประชาชนรอมานานที่จะเห็นประเทศไทยเน้นการเกษตรแบบอินทรีย์ รัฐบาลออกมาเต้นตั้งแต่ยุค คสช.ว่าจะแบนหรือยกเลิกการนำเข้าสารพิษทางการเกษตรอาทิพาราควอต แต่ก็แค่ปาหี่ ในยุค คสช.นั้นเข้าใจได้ว่าไม่มีทางทำได้สำเร็จ เพราะเผด็จการนั้นมักคิดถึงอนาคตตนเองและพวกพ้องมากกว่าคิดถึงประชาชน พอออกมาทำท่าจะแบนแต่ละครั้ง เพื่อนก็ให้ยืมนาฬิกาเพิ่มอีกเรือน
ครั้งนี้ ทำท่าไม่ต่างจากยุค คสช.สามพรรคหลักของรัฐบาลยังเหมือนแค่แสดงปาหี่เช่นเดิม พรรคภูมิใจไทยชัดเจนเดินหน้าแบนสารพิษ แต่ยังไม่กล้าทุบโต๊ะ ยังเคลื่อนแบบสร้างกระแสคอยเก็บแต้มไปก่อน ทั้งๆสามารถปล่อยหมัดน็อคได้ไม่ยากนัก
พรรคพลังประชารัฐของบิ๊กตู่นั้น ไม่อาจหวังอะไรได้มากมาตั้งแต่สมัย คสช.แล้ว เป็นถึงพรรคแกนนำรัฐบาลแต่ไม่กล้าออกมายืนถือธงนำ ราวกับมีนาฬิกามามัดมือมัดปากไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่กุมกระทรวงเกษตรยังแทงกั๊ก ว่าต้องขึ้นกับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งแสดงว่าพรรคยังไม่มีจุดยืนหรือมีจุดยืนเคียงข้างนายทุน คือยื้อไปเป็นปีๆไป ยื้ออีกปีก็ขายเคมีพิษได้อีกเป็นหมื่นล้านบาท
นพ.สุภัทร ระบุว่า แนวโน้มการเคลื่อนของพรรคการเมืองเพื่อแบนหรือยกเลิกสารพิษพาราควอตรอบนี้ ท่าทางจะเป็นละครปาหี่การเมืองอีกฉาก ที่ยังจะไม่มีการแบนจริงๆ ดังนั้นเราภาคประชาชนคงต้องลงแรงกดดันให้หนัก มิเช่นนั้นคนที่ได้ประโยชน์จากการเคลื่อนรอบนี้ก็คือบรรดาพรรคการเมืองที่อาจจะได้ร่ำรวยผิดปกติขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ ส่วนภาคประชาชนก็เป็นเพียงเบี้ยหมากตัวประกอบในกระดาน