posttoday

เปิดคำแถลง "ผู้พิพากษา" ศาลยะลา เผยถูกแทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา

04 ตุลาคม 2562

เผยคำแถลงการณ์ "ผู้พิพากษา" ยิงตัวเองเจ็บที่ศาลยะลา ระบุถูกแทรกแซงสั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา พร้อมเผยปัญหาที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องเผชิญ

เผยคำแถลงการณ์ "ผู้พิพากษา" ยิงตัวเองเจ็บที่ศาลยะลา ระบุถูกแทรกแซงสั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา พร้อมเผยปัญหาที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องเผชิญ

หลังจากเกิดเหตุผู้พิพากษาใช้อาวุธปืนพกจ่อยิงตัวเองในศาลจังหวัดยะลา หลังการพิจารณาคดีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดเมื่อช่วง 12.00 น. ของวันที่ 4 ต.ค.62

สังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คำแถลงการณ์ของ ผู้พิพากษา รายนี้ในคดีฆาตกรรมที่มีการพิจารณาก่อนเกิดเหตุ โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ผู้พิพากษาได้ถูกแทรกแซงสั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษาใหม่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามที่ถูกแทรกแซงจะส่งผลให้จำเลย 3 รายต้องโทษประหารชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยอีก 2 ราย จะต้องโทษจำคุกสองในสามส่วน ทั้งที่พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ และ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง ซึ่งผู้พิพากษารายนี้ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง5ราย

"ผมยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นต้องทำให้ถูกต้องตามกระบวนการ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้เสียหายและจำเลย ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน การใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานต้องกระทำโดยปราศจากอคติทั้งปวง ไม่ใช่กระทำโดยความรู้สึกส่วนตัว หรือ ตามคำสั่งของใคร ไม่ใช่เพราะอยากได้หน้า หรืออยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นผู้มีอำนาจสามารถควบคุมผู้พิพากษาและผลคำพิพากษาได้"คำแถลงการณ์ระบุ

ในคำแถลงการณ์ของผู้พิพากษารายนี้ระบุด้วยว่า "การแทรกแซงอำนาจตุลาการ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา188 ที่บัญญัติว่า ผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาอรรถคดี"

คำแถลงการณ์ระบุด้วยว่า "เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับผมนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ขณะนี้เพื่อนๆผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั่วประเทศ ก็ถูกกระทำไม่ต่างกับผม เจ็บช้ำระกำใจไม่ต่างกัน"

คำแถลงการณ์ยังระบุถึงปัญหาต่างๆที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องเผชิญด้วยว่า "ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดวิกฤต ประชาชนเสื่อมศรัทธาในศาลยุติธรรม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นเหตุให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านเกียรติภูมิ คือ ต้องรับกรรมที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ"

"นอกจากนี้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั้งประเทศ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเงิน อันทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อการดำรงชีพมาเป็นเวลานาน ดังนี้"

"ประการแรก ในเวลาราชการผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีทำการสืบพยานในห้องพิจารณา และต้องสั่งคำร้องขอต่างๆ ตรวจร่างคำพิพากษาและคำสั่งที่พิมพ์แล้วทั้งวัน เมื่อคดีเสร็จการพิจารณาสืบพยานเสร็จต้องเขียนคำพิพากษา แต่ในตารางการทำงานกลับไม่มีเวลาเพื่อการเขียนคำพิพากษา ท้ายที่สุดต้องเขียนคำพิพากษานอกเวลางาน และต้องเขียนให้เสร็จภายในระยะเวลาอันจำกัด เรียกได้ว่า "สวย เก๋ เท่ ไว" แต่นั่นคือการเสียสละเวลาส่วนตัวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน"

"ประการที่สอง ผู้พิพากษาถูกห้ามมิให้ประกอบอาชีพอื่นเพื่อหารายได้เพิ่มเติม ดังนั้นจึงไม่อาจหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองเพิ่มขึ้นได้ ต่างกับแพทย์ที่สามารถเปิดคลินิกหารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจาการทำงานที่โรงพยาบาล จึงมีข้อสงสัยในความเป็นธรรมว่า เหตุใดผู้พิพากษาจึงไม่ได้รับค่าตอบแทนในการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้"

"ด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรมทางการเงินดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้พิพากษาขาดความมั่นคงและอ่อนแอทางการเงิน อาจก่อให้เกิดความอ่อนแอไม่มั่นใจ อาจถูกขู่ให้กลัวได้ง่ายและถูกชักจูงได้ง่าย การแทรกแซงคำพิพากษาหรือคำสั่งสามารถทำได้ง่ายขึ้น แล้วหลักประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษาอยู่ที่ใด"

ผู้พิพากษารายนี้ระบุในคำแถลงการณ์ด้วยว่า ได้ดำเนินการส่งหนังสือพร้อมพยานหลักฐาน เรียกร้องไปยังประธานรัฐสภา สื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านทราบ นายกรัฐมนตรี สื่อให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบ สื่อมวลชนทั้งชี้แจงผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศว่าอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด และจะให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนจนสุดชีวิต โดยเรียกร้อง 2 ข้อ ดังนี้

1.เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติ ออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพื่อห้ามกระทำการตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง ทั้งห้ามกระทำใดๆอันมีผลเป็นการแทรกแซงผลคำพิพากษา

2.เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติและนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีให้ความเป็นธรรมทางการเงินแก่ผู้พิพากษาทั่วประเทศ ซึ่งทราบว่ามีผู้พิพากษาบางกลุ่มจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว แต่มีข้อขัดข้อง ไม่สามารถส่งออกจากศาลยุติธรรมเพื่อนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติและคณะรัฐมนตรีได้

คำแถลงการณ์นี้ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล องค์คณะผู้พิพากษา และผู้พิพากษาในศาลนี้ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาที่ศาลนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีความเป็นธรรมและมีความเมตตา ไม่มีใครรรู้ว่า ผมจะทำเช่นนี้

ผมขอฝากถ้อยคำถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยและผู้รักความยุติธรรมทุกท่าน ไว้สองประโยค

"คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา" "คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

"คำแถลงของผม อาจมีน้ำหนักเบาบางเหมือนขนนก แต่หัวใจผู้พิพากษาหนักแน่นปานขุนเขา จึงมอบหัวใจชั่งบนตราชู ยืนยันคำแถลง ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน"