posttoday

เมื่อ ทนาย ปะทะ สีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน

15 พฤศจิกายน 2553

คดีนี้ต้องติดตามกันอีกยาว เพราะคู่กรณีต่างถือกฎหมายอยู่ในมือด้วยกันทั้งคู่ และมีศักดิ์ศรีในอาชีพค้ำคออยู่ เมื่อ ทนายปะทะสีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน !!!....

คดีนี้ต้องติดตามกันอีกยาว เพราะคู่กรณีต่างถือกฎหมายอยู่ในมือด้วยกันทั้งคู่ และมีศักดิ์ศรีในอาชีพค้ำคออยู่ เมื่อ ทนายปะทะสีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน !!!....

โดย.....ธนก บังผล

หลายปีก่อนมักได้ยินวลีสุดฮ็อต “รู้ไหมกูลูกใคร” ตอนพวกกุ๊ยเมากร่างอยากหาเรื่อง คิดว่าพ่อบังเกิดเกล้าใหญ่คับฟ้าหาเรื่อวงใครแล้วเครียดได้หมด นักท่องราตรีรายไหนเจอเด็กเด็กกร่างกลุ่มนี้เข้าถือว่าซวยสุดๆ

แต่ถ้าคู่อริเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมายเสียเองก็ถือว่าดับเบิ้ลซวย ไม่มีใครอยากมีเรื่องมีรายกับตำรวจหรอก แค่ขึ้นโรงพักก็หนาวๆร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกฎหมายที่สร้างความ “กวน มึน โฮ” มาตราไหนบ้าง

เมื่อ ทนาย ปะทะ สีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน ธีรชัย (ขวามือใส่เสื้อขาว)

แต่ถ้าคู่กรณีประกอบอาชีพทนายความ มีกฎหมายในมือเช่นกันก็ไม่สะทกสะท้านต่อการแจ้งความแม้แต่น้อย เหมือนกรณี ธีรชัย ทองเพณี ทนายความหนุ่มใหญ่ชาวบางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมเพื่อนอีก 2 คน เข้าแจ้งความ สน.โชคชัย ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ชัชวาลย์ ดวงแก้ว รอง ผกก.ปป. สน.โชคชัย กับพวก ในข้อหาบุกรุก ทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์

คืนนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ทนายหนุ่มกับเพื่อนขับรถออกมาจากร้านอาหารริมถนนลาดพร้าว 87 ระหว่างจะถึงบ้านก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดขวางปากซอย เลยบีบแตรให้หลีก รถคันดังกล่าวเลื่อนไปเล็กน้อย แล้วถอยหลังมาเกือบจะชน

เขาเลยเดินลงจากรถไปบอกให้คนขับเลื่อนรถ แต่ไม่ทันได้พูดอะไร รถคันนั้นก็ขับออกไป เมื่อเขากลับขึ้นรถได้ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มีรถกระบะของตำรวจขับสวนมา เขาเลยลดกระจกลงแจ้งเหตุให้ช่วยตรวจสอบรถยนต์คู่กรณี

ตำรวจในรถเลยถามกลับว่าเป็นใครมาสั่ง เลยบอกว่าเป็นทนาย ตำรวจคนเดิมถามกลับอีกว่า รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร ทั้งคู่เลย เลยโต้เถียงสักพักก่อนจะขับรถกลับบ้านในซอยลาดพร้าว 87

ทนายความหนุ่ม เล่าต่อ พอถึงบ้านก็เห็นรถตำรวจเปิดสัญญาณไฟขับตามมาจอดหน้าบ้าน แจ้งว่าขับรถชนคันอื่นแล้วหลบหนี พอปฏิเสธจึงได้เกิดการโต้เถียงกัน

"ช่วงนั้นผมก็เข้าไปในบ้าน ส่วนตำรวจคนดังกล่าวได้วิทยุเรียกกำลังสายตรวจมาสมทบอีก 5-6 นาย แล้วบุกเข้ามาในบ้าน ระหว่างนั้นได้ยินตำรวจคนนั้น บอกกับลูกน้องว่าให้จับผมใส่กุญแจมือ มีอะไรจะรับผิดชอบเอง จึงเกิดเหตุชุลมุนกัน ทำให้ผมและเพื่อนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุแล้วตำรวจก็ถอนกำลังกลับ”

เมื่อธีรชัยตรวจสอบแล้วว่านายตำรวจคนดังกล่าวคือใคร จึงเข้าแจ้งความว่าถูกตำรวจชุดดังกล่าวรุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านมาเป็นหลักฐาน

วันรุ่งขึ้น พ.ต.ท.ชัชวาลย์ คู่กรณี เปิดแถลงข่าวทันที ยืนยันงานนี้ไม่มีไกล่เกลี่ยยอมความกับคนเมากร่างแจ้งความดูหมิ่นเจ้าพนักงานอย่างแน่นอน

“ตอนแรกคิดว่าหากนายธีรชัยหายเมา และมาขอโทษในวันถัดไปก็จะไม่ถือสาเอาเรื่อง เพราะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่ยังออกมาให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนกับสื่ออีก”

เมื่อ ทนาย ปะทะ สีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน พ.ต.ท.ชัชวาลย์

รองชัชวาลย์ เล่าว่า วันเกิดเหตุได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อำนวยการตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึง 06.00 น. ปกติจะขับรถกระบะสายตรวจเปิดสัญญาณไฟออกตระเวนตรวจตราในท้องที่ และให้ความช่วยเหลือประชาชน

“พบรถนายธีรชัยหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 87 และกำลังมีปัญหากับแท็กซี่ จึงเข้าไปสอบถาม แต่กลับถูกด่า ทำไมไม่ไปจับคนขับแท็กซี่ มึงมาจับรถกูทำไม “รู้มั้ยว่ากูเป็นใคร” พร้อมทั้งชี้ให้ดูท้ายรถที่มีเสื้อทนายความอยู่” ฮัดช่า...คำถามโดนใจสุดๆ

ระหว่างนั้นเขาได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง จึงคิดว่าน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น อาวุธปืน จึงพยายามขอค้นรถให้ได้ แต่นายธีรชัยไม่ยอมแล้วพูดว่า “มึงจะลองดีกับกูหรือ” ก่อนขับรถออกไปทันที

“ผมจึงรีบขับรถตามโดยเปิดไซเรน เลี้ยวเข้าไปในซอยลาดพร้าว 87 และวิทยุแจ้งสายตรวจว่า มีรถขับหนีการตรวจค้นให้ช่วยสกัดจับ พอไปถึงบริเวณบ้านของนายธีรชัย ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานทนายความ ขณะนั้นสายตรวจยังมาไม่ถึง เห็นนายธีรชัยเข้าบ้านและยังตะโกนท้าทายตลอดเวลาว่า ให้เข้ามาจับกุมในบ้าน แต่ก็ไม่ได้เข้าไป”

จึงโทรไปหาผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.พรชัย ขจรกลิ่น ผกก.สน.โชคชัย ซึ่งให้คำปรึกษาว่า เป็นคดีเล็กน้อย ให้ถ่ายรูปเป็นหลักฐานก็พอ

เมื่อ ทนาย ปะทะ สีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะจับกุม

“ผมเลยเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปไว้ ขณะนั้นนายธีรชัยก็นำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลออกมาถ่ายรูปผมเช่นกัน แล้วพยายามเข้ามาประชิดตัวโดยใช้หัวไหล่ และหัวกระแทก ผมก็พยายามหลบ อีกทั้งตอนนั้นยังไม่มีพยานเพราะสายตรวจยังมาไม่ถึง แต่อาศัยกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน ด้วยการเดินเข้าไปในแนวกล้องเพื่อให้บันทึกเป็นหลักฐาน”

"ขณะนั้นรถสายตรวจ 2 คันที่ตามมาเห็นจึงกรูเข้ามาช่วย แฟนและเพื่อนของนายธีรชัยจึงออกมายื้อยุดกันสักพักจนเหนื่อย ผมจึงขัดขาเพื่อนนายธีรชัยจนล้มลงและกดกับพื้น ซึ่งเป็นการจับกุมตามยุทธวิธีเพื่อใส่กุญแจมือ แต่คนนั้นดิ้นหลุดวิ่งหนีเข้าบ้าน ผมจึงปล่อยเพื่อนนายธีรชัยไป แต่นายธีรชัยยังพูดว่า กูนั่งกินเหล้าในบ้านอยู่ดีๆตามมาจับกูทำไม”

แน่นอนว่าเมื่อเรื่องบานปลาย พ.ต.ท.ชัชวาลย์ ได้เชิญ รปภ.มาบันทึกปากคำให้การเพื่อเป็นการป้องกันหากเกิดคดีความ  และยังได้ไปตรวจร่างกายนำมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวน โดยแจ้งความกลับทนายความในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางการจับกุม

“ผมเป็นคนมีต้นทุนสูงในหน้าที่การงาน เมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้จะต้องเดิมพันด้วยชีวิตราชการก็จะสู้ ไม่ยอมไกล่เกลี่ยแน่นอน เพราะผมแคร์ภาพลักษณ์ของตำรวจ ผมใช้เครื่องแบบนี้เลี้ยงชีวิต จะไม่ยอมให้ใครมาทำแบบนี้” คำยืนยันจากรองผู้กำกับหนุ่ม

หลายปีก่อน “รู้ไหมกูลูกใคร” เป็นวลีสุดฮ็อต ถ้ากุ๊ยเมากร่างอยากหาเรื่องใครสักคน คิดอะไรไม่ออกเอ่ยคำนี้ไปรับรองคู่อริกรี๊ดสลบ ก็แหม...นะ ถามแบบนี้ใครจะตอบได้ แต่วลีฮิตในวันนี้ต้อง “รู้ไหมกูเป็นใคร” เจอประโยคนี้ไปนี่เล่นเอาคนฟังงงสุด ๆ

คดีนี้ต้องติดตามกันอีกยาว เพราะคู่กรณีต่างถือกฎหมายอยู่ในมือด้วยกันทั้งคู่ และมีศักดิ์ศรีในอาชีพค้ำคออยู่ เมื่อ ทนายปะทะสีกากี ศึกนี้จึงมีเดิมพัน !!!

***********************

ควรให้ความร่วมมือตรวจวัดแอลกอฮอล์

รู้กันดีอยู่ว่าเมาแล้วขับนั้นนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังมีโทษหนัก เพราะฉะนั้นหากพลาดไปเจอด่านตรวจแล้ว สิ่งที่ตำรวจต้องการมากที่สุดคือ ความร่วมมือด้วยดี  และจะดีเป็นอย่างยิ่งหากไม่พูดจาเบ่ง ข่มขู่ กร่าง หาเรื่อง อ้างเส้นสายใหญ่โต เพราะการปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านวัดระดับแอลกอฮอล์ ตำรวจทำไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่อผู้ขับขี่และเพื่อไม่ให้ผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่นต้องมารับกรรมจากการดื่มหนักของใคร แต่บางครั้ง (หากเป็นไปได้) ตำรวจเข้าใจเหตุผล และเห็นว่าผู้ขับขี่รถไม่ได้อยู่ในสภาพที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อการใช้ถนน ตำรวจก็อนุโลมปล่อยไป ไม่ได้ใจร้ายกับทุกคน