อ้างไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินผลงาน?ไล่ออกผอ.หอศิลปกรุงเทพฯ

ผอ.หอศิลปฯกรุงเทพฯถูกคำสั่งไล่ออกอ้างเหตุไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินผลงาน สัญญาเลิกจ้างมีผลสิ้นก.ย.เจ้าตัวปูดเบื้องหลังมีเจรจาขอให้ยื่นหนังสือลาออกเองแลกค่าตอบแทน2แสนบาทแต่ยืนยันไม่ลาออกและขอให้เปิดเผยรายงานประเมินผลปฏิบัติงานของตัวเองแก่สาธารณชน

ผศ.ปวิตร มหาสารินันทน์ ผอ.หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แจ้งข่าวเรื่องขอความเป็นธรรมและโปร่งใสในการถูกไล่ออกแก่สื่อมวลชน แขนงต่างๆ ใจความว่า

“ผมขอเรียนให้ท่านทราบว่าผมได้ถูกคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครชุดใหม่(ซึ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2562 หลังจากชุดเก่าหมดวาระเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561) “ไล่ออก”เมื่อวันที่ 31 สค.2562(โดยให้ปฏิบัติงานวันสุดท้ายวันที่ 30 กันยายน 2562)”

“ซึ่งเหตุผลหนึ่ง(จาการบอกเล่าด้วยวาจา)ก็คือ กรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานไม่พอใจการแสดงความเห็นของผมเรื่องการสนับสนุนงบประมาณของกรุงเทพมหานครในการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน”

“อนึ่ง คณะกรรมการมูลนิธิได้ยื่นข้อเสนอให้ผม “ลาออก” เพราะ “จะสวยกว่าอยู่แล้ว” ซึ่งผมขอปฏิเสธ และขอให้คณะกรรมการมูลนิธิเปิดเผยรายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานของผม....”

“จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาเผยแพร่ข่าวนี้สู่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครที่แท้จริง จักเป็นพระคุณยิ่ง” ลงชื่อ ผศ.ปวิตร มหาสารินันทน์ ผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯ

ผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง กล่าวว่า จะไม่มีการฟ้องร้องคดีความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะไม่มีทางที่จะยื่นเป็นหนังสือลาออกจากตำแหน่งอย่างเด็ดขาด ต้องการให้บันทึกเป็นการไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะตัวเขาเองไม่เคยคิดจะลาออกจากตำแหน่งนี้ที่ถือว่าเป็น Dream Jobที่มีแผนในอนาคตต้องการจะเชื่อมโยงศิลปะทุกแขนงให้มาแสดงยังหอศิลป์กรุงเทพฯแห่งนี้

ผศ.ปวิตรได้ลาออกจากตำแหน่งอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯที่ทำมา 25 ปี 9 เดือนเพื่อมารับตำแหน่งผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯแห่งนี้ที่มีวาระ 4 ปี แต่มีการประเมินผลงานทุก 6 เดือน สัญญาแรกเริ่มงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 61-วันที่ 31 สค.61

“ผ่านการประเมินครั้งแรกก็ทำสัญญาที่ 2 เริ่มงาน 1 กย.2561 หมดสัญญา 31 สค.2562 ซึ่งเมื่อครบสัญญาเมื่อ 31 สค.2562 ที่ผ่านมาก็มีหนังสือแจ้งผลประเมินว่าผมไม่ผ่านการประเมินจึงขอเลิกสัญญาว่าจ้าง มีผล30 กย.2562”

“ที่ผ่านมาไม่เคยมีสัญญาณว่าจะมีการปลดผมออกจากตำแหน่งแต่อย่างใดเลย แต่มีคนเคยบอกว่า อาจจะเป็นเพราะผมเคยไปให้สัมภาษณ์ด่าผู้ว่าฯกับรองผู้ว่าฯ(พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง กับ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯขณะนั้น)เรื่องการที่กรุงเทพมหานครไม่ยอมสนับสนุนงบประมาณหอศิลป์กรุงเทพฯ”

“ผมอาจจะเคยให้สัมภาษณ์แต่ผมไม่เคยใช้คำผรุสวาทแต่อย่างใด ที่จริงแล้วมันเป็นการนำเสนอข้อมูลของผลการทำงานที่หอศิลป์กรุงเทพฯที่ผมบริหารอยู่ให้แก่ประชาชนที่เป็นเจ้าของหอศิลป์กรุงเทพฯตัวจริง เป็นการทำงานโปร่งใสให้ประชาชนรับทราบข้อมูลเท่านั้น”ผศ.ปวิตร กล่าว

หอศิลป์กรุงเทพฯแห่งนี้ ถูกบริหารภายใต้มูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภายใต้คณะกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มี รศ.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย เป็นประธาน มีหน้าที่สรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯ และสรรหาคณะกรรมการบริหารหอศิลป์กรุงเทพฯทำหน้าที่บริหารการทำงานของหอศิลป์กรุงเทพฯ และมีคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มีผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานโดยตำแหน่ง ทำหน้าที่แต่งตั้งคณะกรรการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวความขัดแย้งของฝ่ายบริหารหอศิลป์กรุงเทพฯ นำโดยผศ.ปวิตร (ผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯ)ที่ออกมาเผยว่า ไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารงานหอศิลป์กรุงเทพฯในอนาคต

ขณะที่ทางกรุงเทพมหานครอ้างว่า ตามสัญญาไม่สามารถให้งบสนับสนุนหอศิลป์กรุงเทพฯในเรื่องของค่าใช้จ่ายรายวันได้ เพราะตามสัญญาหอศิลป์จะต้องจัดหารายได้มาจ่ายตรงนี้เอง เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดหาทางออกอยู่

นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าฯกทม.กำกับดูแลสำนักวัฒนธรรม ท่องเที่ยวและการกีฬา กทม. กล่าวในเรื่องนี้ว่า กรุงเทพมหานครไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการแต่งตั้งหรือการปลดตำแหน่งผอ.หอศิลป์กรุงเทพฯแต่อย่างใด เพราะการแต่งตั้งผู้อำนวยการหอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นอำนาจของคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครโดยตรง

"แต่หากหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จะของบประมาณจากกทม. จะต้องทำโครงการเสนอผ่านสำนักวัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา กทม. ก่อนเสนอสภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ" นายเกรียงยศ กล่าว