ชีวิตที่เรากำหนด! “สุพจน์ ลีลาพิสุทธิ์” จากเด็กติดยาสู่ธุรกิจยิมมวยสุขภาพ!
จากเด็กติดยาเกือบตายหันมาออกกำลังกายจนแข็งแรงด้วยมวยไทย ทำให้ “หมู-สุพจน์ ลีลาพิสุทธิ์” มุ่งมั่นที่จะให้เกิดการเชิดชูศิลปะต่อสู้แขนงนี้ให้ทั่วโลกยอมรับในรูปแบบการ ‘ออกกำลังกาย’ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพร่างกายชีวิตทำงาน
จากเด็กติดยาเกือบตายหันมาออกกำลังกายจนแข็งแรงด้วยมวยไทย ทำให้ “หมู-สุพจน์ ลีลาพิสุทธิ์” มุ่งมั่นที่จะให้เกิดการเชิดชูศิลปะต่อสู้แขนงนี้ให้ทั่วโลกยอมรับในรูปแบบการ ‘ออกกำลังกาย’ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพร่างกายชีวิตทำงาน
*******************
โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล
ใครเล่าจะคิดชายหนุ่มวัย 36 ปี เจ้าของยิมมวยฟิตเนสดาวรุ่งสายสุขภาพตอนนี้ คืออดีตไอ้ตี๋เยาวราชที่เคยติดยาบ้านกว่า 7 ปี ฝากตัวเป็นสลัมบอยคลองเตยเป็นโรงเรียนกินนอนแทนบ้าน
“ชีวิตมันเหมือนหนัง เราแสดงเล่นเป็นตัวละครเอกในเรื่องของเรา มันก็ขึ้นอยู่กับเราจะแสดงมันยังไง” สุพจน์ ลีลาพิสุทธิ์ หรือ หมู เจ้าของธุรกิจยิม ‘มวยไทยฟิตเนส MTM academy’ เกริ่นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเพียงแค่พลิกมุมชีวิตและความคิดทำให้ดี-เก่ง-เจ๋ง ไม่มีหมด!
‘ทัศนคติที่ดี’ คือเกราะลดความผิดพลาด
สุพจน์ ลีลาพิสุทธิ์ หรือ หมู อาตี๋เยาวราชครอบครัวชนชั้นกลาง เติบโตมาด้วยความรักและความอบอุ่นเอาใจใส่ตามฐานะ รับการศึกษาจากโรงเรียนดังอย่างเซนต์คาเบรียล วาดฝันทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจตามรอยพ่อนักค้าขายนำสินค้าเข้าจากต่างประเทศ และมันจะยังคงเป็นอย่างนั้นถ้าเขาไม่พบเข้ากับ ‘ยาเสพติด’
“เพื่อนชวนให้ลองยาบ้าตอนมัธยมปลาย พ่อแม่รู้ก็ขอให้เลิกหลายครั้ง แต่เราไม่ได้อยากเลิก มันคิดไม่ได้ พอได้ลองแล้วสนุก ทีนี้ก็อยากจะสนุกทุกวัน จาก 2 เม็ดไม่หลับไป 2วัน ก็ขยับ มา 4 เม็ด 8เม็ด และ 12 เม็ด 6-7 ปี จบม.6 ทิ้งเรียนเลยเพื่อมาเล่นยา กลับบ้านเฉพาะไปอาบน้ำแล้วก็ไปนอนอยู่ที่คลองเตย”
ยานรกกล่อมหลอนจิตให้หมูอยู่ในโลกจินตนาการณ์ด้วยข้าวเพียง 1 มื้อวันแล้ววันเล่า จนที่สุดสารร้ายได้ร้ายร่างกายจนเกือบตาย
“ผมน็อคยาอยู่หน้าบ้านในระหว่างที่มือขวายังฟลอยด์ มือซ้ายถือยา ป๊าเปิดประตูออกมาจะไปทำงานเข้ามาสะกิดเหมือนท่านปลง พูดกับเราว่าป๊าไม่เคยขออะไรมากเรียนไม่เรียนไม่เคยบังคับ ขอแค่อย่างเดียวเป็นคนดี อย่ายุ่งกับยาได้ไหม ป๊าทำอะไรผิดแล้วก็เดินไป มันเป็นภาพที่ฝั่งใจมาก ลูกชายคนโตความหวังของครอบครัวคนจีน แต่เราเหมือนไม่ใช่คนแล้ว หนักแค่ 37 กิโลกรัม เราก็คิดขึ้นมาเลยต้องหยุดแล้ว แต่หลังจากนั้นนอนๆ อยู่ๆ ตื่นขึ้นมาเหงื่อท่วมทั้งตัว และไอเป็นเลือดเลอะเต็มมือ”
หมูเข้ารับการบำบัดจากร่างกายสภาพย่ำแย่เป็นระยะเวลา 1 เดือนเศษ และกลับออกมาพร้อมกับโจทย์ใหม่ในชีวิต 3 ข้อ ได้แก่ 1.หาเป้าหมายในชีวิตใหม่ 2.หาสังคมใหม่เพื่อหลีกหนีบรรยากาศเดิม 3.ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อให้ไม่ความคิดฟุ้งซ่าน
“จุดที่ยากที่สุดไม่ใช่การอยู่ในสถานบำบัดเพราะมีคนดูแลตลอด การออกไปใช้ชีวิตข้างนอกยากกว่า คือ 2 ใน 3 ข้อ ทำได้แค่เปลี่ยนสังคมย้ายไปอยู่รังสิต ส่วนยเรียนกับกิจกรรมที่หมอแนะร่างกายเราอ่อนแอมาก ขึ้นบันไดตึกเรียนนิดก็เหนื่อย ไอหอบ มือสั่น สมาธิสั้น ฉะนั้นเรื่องกิจกรรมจึงจะให้ดีชอบยังไม่พอต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้ออกกำลังกาย ที่บ้านก็ไปสมัครฟิตเนสก็ได้หน่อยเดียวเพราะไม่ชอบ จนมาเจอโรงเรียนสอนมวยไทยรังสิต (ปัจจุบันเวทีมวยรังสิต) 1 เดือนที่ผมสนุกมาก เพราะได้ต่อยเป้าเท่ๆ ฟุตเวิร์คหลบสวยๆ"
หมูแข็งแรงขึ้นแบบไม่รู้ตัว เรียนจบจากคณะบริการธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.48 ก่อนจะฝึกงานที่ประเทศอเมริกา 3 เดือน จากนั้นเข้าทำงานที่ บริษัท 1577 Home Shopping และเป็นส่วนหนึ่งในกลไกลให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักและติดตลาดโดยเฉพาะเรื่องเครื่องครัว
“คนเรามันผิดพลาดกันได้ แต่ก็สามารถเดินต่อในทางที่ถูกได้ ถ้าทัศคติเราถูกต้อง เรื่องนี้ได้มาจากทั้งการทำงานเป็นนักพัฒนาสินค้า Home Shopping 4-5 ปีต้องขอบคุณพี่จุล โชติกะวรรณ กรรมการผู้จัดการ ที่ให้ความไว้วางใจด้วย เพราะจุดนี้ทำให้เราได้ต่อยอดความคิดจากการเรียนเกรดดีเกือบเกือบเกียรตินิยมอันดับ 2 ถ้าไม่ถอนติด W เพราะลงเยอะเกิน คือพอเราทำได้ เรื่องความมั่นใจมันมาหมด พวกคำดูถูกหรือคำที่พูดถึงอดีตที่ไม่ดีผ่านเข้ามาเราก็เลยไม่สนใจ เราเลิกยาได้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ตรงนี้กระบวนการทัศนคติที่ดี เราต้องเติมทุกวัน มันก็จะเป็นเกราะประสบการณ์ให้เราไม่พลาด”
อนาคตมีอยู่ที่ ‘Fight for it’
“ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเรา ‘Fight for it’ คำนี้มันกลายเป็นสโลแกนประจำตัว สู้เพื่อสิ่งที่เราต้องการ เป้าหมายของเราคืออะไรเราก็ต้องสู้เพื่อให้มันเป็นจริง” หมูบอกถึงหลักที่สองต่อมาของชีวิตหลังเลิกยาเสพติดและพิสูจน์ตัวเองด้วยการเรียนจบพร้อมกับทำงานที่ดีและมั่นคงอยู่ถึงราว 5 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็น “มวยไทยฟิตเนส MTM academy” ในปี 2014 ที่ตั้งเป้าหมายไว้ตอนช่วยให้กลับมาแข็งแรงตอนติดยา วันหนึ่งถ้ามีโอกาสเขานั้นจะทำมวยไทยให้เป็นการออกกำลังกายที่เจ๋งที่สุดให้ได้
“มวยไทยเพื่อการต่อสู้ดังทั่วโลกอยู่แล้วที่ทุกคนรู้จัก แต่มวยไทยที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะยังไม่มี ทีนี้พอเราทำงานหนักสุขภาพก็ไม่แข็งแรง หวนกลับมาเข้าฟิตเนสมวย ความคิดมันก็วนกลับมา เราเคยอยากทำ แล้ววันนี้ก็ยังไม่มีออกมา ผมกัดฟันลุยทำเลย เพราะสุขภาพเราที่พังยับจากยายังดีได้เพราะมวยใน 1 เดือน แล้วคนปกติมันจะยากอะไร” หมูแง้มความมั่นใจ ขณะที่หลายคนคัดค้านจากการขาดประสบการณ์วงการมวย
“พ่อจะบอกตอนเรียนไม่เก่งเด็กๆ เพราะเราไม่ตั้งใจและขยัน ท่านไม่เคยว่าเราไม่เก่งเลย อันนี้ซึมมาโดยไม่รู้ตัว เราไม่เป็นมวย ไม่เป็นก็ไปเอาหนังสือพิมพ์มวยมาอ่าน ใครชื่ออะไร วงการเป็นยังไง ลิสออกมาเป็นข้อๆ”
จริงดั่งหมูว่าคนเราทำเต็มที่เกินร้อยไม่มีอะไรทำไม่ได้ เพราะระหว่างที่ศึกษาข้อมูลพี่ก้อยรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นหลานของคุณทรงชัย รัตนสุบรรณ หมูก็ได้รับนัดให้ได้คุยกับลูกสาวคนเล็ก คุณโอ้ ปริยากร รัตนสุบรรณ ความรู้ทุกอย่างถูกเตรียมทุกอย่างดีในการพรีเซนต์ปรึกษา ผลสรุปได้รับการสนับสนุนในความคิด พร้อมกับได้ป้ายศึกวันทรงชัยกลับมาในวันนั้นเพื่อให้เป็นที่รู้จัก
“ความแตกต่างอย่างชัดเจนของยิมเรา คือการนำครูมวยกับเทรนเนอร์มาผสมกัน รูปแบบมวยไทยผสานเข้ากับวิทยาศาสตร์การกีฬาบวกกับฟังก์ชั่นนอล เทรนนิ่ง ที่ผู้ฝึกจะได้ทักษะเสริมไปใช้ในกิจกรรมความชอบ เช่นคนทำงานเซลล์ฝ่ายขาย เขาต้องเดินทั้งวัน เราจะหาการฝึกที่ทำให้ช่วงล่างแข็งแรงและดูดี เดินได้ทั้งวันแถมสมาร์ ไม่เมื่อย ไม่ปวดหลัง เป็นส่วนเสริมนอกจากการลดน้ำหนัก หุ่นที่ดีและความแข็งแรงของสุขภาพเป็นที่แรก”
ปัจจุบัน มวยไทยฟิตเนส MTM academy สาขาแรกตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 4 ขณะที่สาขาที่สองตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเดอะสตรีตรัชดา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้
“ความพยายามตั้งใจ 99% โชคดี 1 % ชีวิตคนเรา หลายคนบอกผมมาได้เพราะโชคดี พ่อมีเงินให้จากเอาบ้านเข้าไปรีไฟแนนซ์ใหม่ แม่เพื่อนให้ใช้ที่ดินสร้างยิมแรกก่อนถึง 6 เดือน แต่จริงๆ โชคดีสำหรับผมมาจากความพยายาม ถ้าผมไม่ตั้งใจเรียน ไม่ขยันทำงาน ยังเกเรติดยา โชคตรงนั้นก็ไม่เข้ามา ใครจะเอาเงินให้คนติดยา แต่เมื่อเราสู้เมื่อเราทำเต็มที่ เราจะทำมันได้ทุกอย่าง แต่จะออกมาดีมากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้น ตัวเราในวันนี้คือกระจกสะท้อนตัวเราในอนาคต”
Better me เป็นได้ ‘บันดาล’ ใจไม่มีหมด
นอกจากทัศนคติและการสู้ไม่ถอยในตำราชีวิตของหมูที่พลิกชีวิตอดีตเด็กติดยาสู่เจ้าของธุรกิจยิมมวยไทยออกกำลังกายดาวรุ่งสายสุขภาพที่เป็นที่นิยม ณ ขณะนี้ กุญแจที่สำคัญเลยนั้นคือ ‘แรงบันดาลใจ’ ที่ว่า...คุณเจ๋งกว่าเดิมได้ในทุกๆ วัน
“เราอ่านหนังสือมากขึ้นเก่ง เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อความสามารถ ผลลัพธ์ที่พอเราเก่งผลตอบแทนดีขึ้น เรามีเวลามากขึ้น พอเวลามากขึ้น เราก็ดูแลคนที่บ้านได้ดีขึ้น ผมพบคนที่มายิมวัตถุประสงค์แรกคือมาลดน้ำหนักและอยากแข็งแรง แต่ลึกๆ พอถามเราได้คำตอบเพิ่มว่า ทำไปทั้งหมดเพื่ออยู่กับคนที่รักได้นานขึ้น ผมจึงฉุกเอาตรงนี้ Better me คนใหม่ที่ดีกว่าเดิม เป้าหมายของเราในชีวิตแทบทุกคนไม่มีอะไรมากกว่าคนใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิม และมันจะทำให้เป็นคนใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิมในทุกวันอีกด้วย”
หมูบอกว่าเมื่อคิดดังนั้นจึงนำคอนเซ็ปต์ตัวเองที่นำมาสร้างแรงบันดาลใจกับสมาชิกยิมมวยไทยที่ก่อตั้งขึ้น และยังนำมาใช้กับทิศทางในอนาคตของ “มวยไทยฟิตเนส MTM academy” ที่จะมีโรดแมปในอนาคตอีก 2 ปี เปิดให้ได้ถึง 7 สาขาในประเทศไทย ขณะที่ในปีที่ 3 คือการเปิดสาขาที่ประเทศเกาหลีใต้ และในปีที่ 5 คือการเปิดโลกมวยไทยออกกำลังกายของศูนย์กลางโลกที่มหานครนิวยอร์ก
“ไม่รู้ว่าที่จะทำ จะสำเร็จไม่สำเร็จ เพราะตอนนี้มันแค่เริ่มต้น เราเพิ่งได้ขึ้นห้างมีสาขาที่ 2 แต่พี่ๆ น้องๆ รวม 40 คน เมื่อปีที่แล้วยังมีตำแหน่งอยู่ที่เดิมอยู่เลย ปีนี้ขยับกันขึ้น พูดง่ายๆ ถ้าผมหยุดแค่ตัวเอง พวกเขาก็หยุดด้วย มันก็ไม่ตรงนิยาม ก็อยากทำอาชีพครูมวยให้เป็นอาชีพที่มีเกียรติและเทรนเนอร์เป็นอาชีพที่มั่นคง ครูมวยสามารถโตเป็นหัวหน้าครูมวย เทรนเนอร์ขยับมาเป็นหัวหน้าเทรนเนอร์ ไต่มาขึ้นตำแหน่งผู้จัดการยิม”
เปลี่ยน ‘มวย’ ศิลปะที่สร้างชื่อเสียงให้ต่างชาติรู้จักเมืองไทยมีคุณค่าให้มีค่าจริงๆ โดยหมูจัดการจ้างเงินเดือนเรทแรกเริ่มที่เปิดเทียบเท่าปริญญาตรีในช่วง 1-2 ปี แรกพร้อมกับสวัสดิการณ์ประกันสังคม ต่อมาเพิ่มประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และทุนการศึกษาบุตรเทอมตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาตรีคนละ 5,000-15,000 บาท เงินทุนสะสมเบี้ยยังชีพแบบไม่หักจากเงินเดือน
“นักมวยเป็นชีวิตที่น่าเห็นใจ อายุ 25 ไม่ดังจบแล้ว ร่างกายมันไม่พร้อม อย่างเราเรียนยังสามารถหางานได้ แม้อาจจะไม่ตรงสายแต่ก็หางานได้และเงินตามวุฒิ แต่นักมวยเขาต้องซ้อมแต่เด็ก ไม่ได้เรียนแล้วจะไปทำอะไร จะมาเป็นครูมวยต่อก็มีค่ายไม่พอ มีโรงเรียนมวยไม่พอ เขาก็ไม่เติบโต นี้ยังไม่นับการจ้างในอัตตราเงินรายวันค่าแรงขั้นต่ำ มันขัดกับความตั้งใจทุ่มเทขยันของเขา ทั่งๆ ทีมวยไทยทุกคนซูกฮกฝรั่งยกว่าเท่มาก มาจ้างครูมวยที่บ้านเราไปให้เงิน 3 หมื่น 4 หมื่น บาทซึ่งไม่เยอะสำหรับเขา แต่ทำไมบ้านเราเป็นแบบนี้
“วันนี้ผมจึงอยากให้โอกาสเขาบ้าง เพราะวันที่เราได้รับโอกาสมันสุดขนาดไหน จากติดยามาจับเงินล้านทำธุรกิจ ผมทำตรงนี้ผมเห็นความสุขของพวกเขา เข้าโรงพยาบาลไม่ต้องต่อคิวประกันสังคม รักษาได้เลย มันเป็นการบริการที่เขาไม่เคยเจอ พอเขาได้เรียนรู้การบริการที่ดีเป็นยังไง เขาก็เอากลับมาบริการที่เรา มันต่อยอดไปหมดถ้าเราเจ๋งและให้โอกาสต่อกัน เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปดูแลคนที่บ้านดี ถ้าเอาไปดูแลมันก็ดีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ช่วยกันส่ง นี้คือการเป็น Better me เราจะดีไม่มีหมดสำหรับผม และทำให้ผมมีวันนี้”