สาวใหญ่ร้องกองปราบถูก 10 ชายฉกรรจ์อ้างเป็นตร.ซ้อม

เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พาผู้เสียหายร้องกองปราบถูก 10 ตำรวจนอกเครื่องแบบอุ้มซ้อมเหตุเกิดที่ จ.กระบี่ แจ้งความแล้วแต่เรื่องเงียบ

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่กองปราบปราม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา นางนี (นามสมมติ) อายุ 51 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ผู้เสียหาย และครอบครัว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ศรสิรัศฐิ์ นิยมรส รอง สว.สอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอให้ช่วยติดตามคดีที่นางนีและครอบครัวถูกชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจอุ้มตัวไปซ้อมเพื่อให้บอกว่าสามีที่ก่อคดีฆ่าผู้อื่นหลบหนีอยู่ไหน

นางนี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 10 คนอ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบมาหาที่สวนปาล์ม ในพื้นที่ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมี ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน 3 คนอยู่ด้วย จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าวได้ถามหาตัวสามี โดยบอกว่าสามีไปก่อคดีฆ่าคนตายในพื้นที่ สภ.ปลายพญา จ.กระบี่ จึงตอบไปว่าไม่ทราบว่าสามีอยู่ที่ไหนเพราะแยกกันอยู่ นานๆ สามีจึงจะมาหาสักครั้ง

ทั้งนี้ ชายกลุ่มดังกล่าวไม่เชื่อ เนื่องจากเห็นรถสามีจอดอยู่ จึงบังคับพวกตนทั้งหมดขึ้นแยกกันขึ้นรถยนต์ ก่อนพาไปที่บ้านญาติของสามีในพื้นที่ อ.เวียงสระ ระหว่างทางก็ถูกข่มขู่ให้บอกที่อยู่ของสามี เมื่อบอกไปว่าไม่ทราบก็ถูกทำร้าย เมื่อไปถึงบ้านญาติสามีที่ อ.เวียงสระ ก็ไม่พบตัวสามี กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ได้พาตนไป สภ.ปลายพญา จ.กระบี่ โดยในระหว่างทางยังคงถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ข่มขู่และใช้กำลังทำร้ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ลูกชายตนก็ยังถูกชายกลุ่มดังกล่าวทำร้ายร่างกายอีกด้วย

นางนี กล่าว่า เมื่อไปถึงที่โรงพัก สภ.ปลายพญา กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ได้นำตนไปหาตำรวจนายหนึ่ง ยศ ร.ต.อ. เพื่อสอบปากคำ ก่อนจะปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 11 เม.ย. โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใครแต่อย่างใด เมื่อกลับมาถึงบ้านได้นอนพักรักษาตัวอยู่บ้าน จนวันที่ 14 เม.ย. จึงได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระแสง

จากนั้น ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เวียงสระ แต่ทางพนักงานสอบสวนแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ตนจึงไปร้องเรียนที่ค่ายทหารวิภาวดี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตำรวจก็เริ่มมาตรวจสอบคดี ก่อนจะเงียบหายไป อีกทั้งระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้นทางตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้โทรมาบอกว่า “ถ้าใครไม่ได้ทำร้ายคุณ คุณก็อย่าไปเอาเรื่องเขา เขาแค่ไปด้วยกันแค่นั่งข้างๆ เฉยๆ"

เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ได้สอบปากคำ นางนี เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งเรื่องให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป