posttoday

"ขอให้รักษาคำพูด" เปิดใจ “ติน วรัญญู” เหยื่อแพรวาในวันที่คดีจบแต่ไร้การเยียวยา

16 กรกฎาคม 2562

หนึ่งในเหยื่อแพรวาเปิดใจถึงความรู้สึกในวันที่คดีสิ้นสุด แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาแม้แต่บาทเดียว วอนขอให้รักษาคำพูดที่อ้างอิงบรรพบุรุษสัญญาต่อหน้าศาลตอนถูกพิพากษา

หนึ่งในเหยื่อแพรวาเปิดใจถึงความรู้สึกในวันที่คดีสิ้นสุด แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาแม้แต่บาทเดียว วอนขอให้รักษาคำพูดที่อ้างอิงบรรพบุรุษสัญญาต่อหน้าศาลตอนถูกพิพากษา

*******************

โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล

ราว 20.00 น. ค่ำคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 เกิดเหตุสลดครั้งใหญ่ที่ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์เมืองไทย หลังเด็กสาววัย 17 ปี ขับรถยนต์พุ่งชนรถตู้โดยสารสาธารณะบนทางด่วนโทลล์เวย์ บริเวณใกล้ทางลงหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย และเสียชีวิตถึง 9 คน

ตลอดระยะเวลาเกือบ 9 ปี ในเส้นทางกระบวนการยุติธรรมเดินทางถึงที่สิ้นสุดแล้วเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยศาลอาญาพิพากษา น.ส.แพรวา หรือ แพรวพราว เทพหัสดิน ณ อยุธยา จำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 3 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะพร้อมสั่งคุมประพฤติห้ามขับรถจนถึงอายุ 25 ปี ขณะที่ ‘ศาลแพ่ง’ สั่งเยียวยาชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้ประสบเหตุ

ทว่าเป็นระยะเวลากว่า 60 วันแล้ว ที่ “ติน วรัญญู เกตุชู” อดีตนิสิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต เหยื่อผู้รอดชีวิตที่ยังคงรอคอยด้วยความหวังอันริบหรี่

"ขอให้รักษาคำพูด" เปิดใจ “ติน วรัญญู” เหยื่อแพรวาในวันที่คดีจบแต่ไร้การเยียวยา

ท้อใจคำสัญญาลวงหลอก

“เมื่อต้นเดือน พ.ค. 2562 ที่ผ่านมาคดีจบแล้ว ศาลมีแค่หน้าที่สั่งให้จ่ายเยียวยา แต่จะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ขึ้นอยู่กับเขาอีก ถ้าเขาไม่จ่ายผมก็ต้องไปฟ้องล้มละลายหรือบังคับคดี ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากจะไปฟ้องร้องกันอีก มันจะ 9 ปี แล้ว” วรัญญูกล่าวเริ่มต้นเหตุผลที่ออกมาพูดในครั้งนี้หลังจากที่เงียบมาตลอด นั้นเพราะไม่เพียงวรัญญูที่หลังการต่อสู้กันอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2553 จะยังไม่ได้รับการเยียวยาแต่เหยื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บคนอื่นๆ ทั้งหมดก็เช่นเดียวกัน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการเยียวยาหลังยอมความในคดี

“เหมือนเขาพยายามประวิงเวลาตลอด” เขาบอก โดยรายละเอียดในส่วนของคดีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญาสอบหาว่าใครผิดระหว่างรถตู้และรถของนางสาวแพรวา ซึ่งศาลตัดสินว่าเธอผิดและพิพากษา 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 3 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะพร้อมสั่งคุมประพฤติห้ามขับรถจนถึงอายุ 25 ปี ขณะที่คดีแพ่งเองศาลก็มีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายจากความผิดเช่นเดียวกัน

“ตอนที่ศาลชั้นต้นบอกว่าเขาผิดและให้เขาจ่ายเงิน เขาทำหนังสือถึงศาลให้ทุเลาการบังคับคดี เขาบอกว่าเขาอยากจะขออุทธรณ์ ซึ่งเราเข้าใจเขานะ มันเป็นสิทธิทางกฎหมายที่เขาจะต่อสู้ และเราก็รู้ว่ามันจะกินเวลาเยอะ แต่เขามีการทำลายลักษณ์อักษรว่ายินดีชดใช้ถ้าคดีถึงที่สิ้นสุด บอกว่าชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเป็นทายาทพลเอกยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและประกอบคุณงามความดีของประเทศนี้ เราก็ยอมแต่พอเรื่องดำเนินไปจนถึงศาลฎีกาท่านสั่งยืนความตามศาลชั้นต้นให้ชำระค่าเสียหายตามความผิด”

ซึ่งแม้ว่าคำสั่งศาลตัดสินให้จ่ายชดเชยค่าเยียวยาครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่ยื่นขอต่อศาล วรัญญูบอกต่อว่าแต่ ณ วันนี้ เกือบๆ 2 เดือแล้ว ก็ยังคงไร้เงาของการเยียวยาหรือกระทั่งการติดต่อประสานงานเข้ามาแต่อย่างใด      

“ในวันที่ไกล่เกลี่ยก่อนเปิดคำพิพากษาของศาลฎีกา ทางทนายเขาต่อรองเราเหมือนกับเป็นผักเป็นปลา เขายื่นข้อเสนอเยียวยาเงินได้ครึ่งหนึ่งอีกทีของที่ศาลสั่ง และก็บอกว่าถ้ารับข้อเสนอนี้ไม่ได้ก็คือโอเคจบ ไปฟ้องล้มละลายหรือยึดทรัพย์เอากันอีกทีได้ไม่กี่บาท เราก็ไม่ต่ออะไรเลยเพราะเราเหนื่อยแล้ว คุณยื่นเท่านี้ก็เท่านี้ แต่พอถึงวันที่ต้องจ่ายเขากลับไม่มาตามที่ตกลงเลย ตอนนี้ก็ 2 เดือนแล้ว ไม่ติดต่อทางผม ไม่ติดต่อทางศาล ผมรู้สึกว่าเรายอมมามากพอแล้ว ก็ออกมาโพสต์ทวงคำสัญญา อยากให้รักษาคำพูดที่พูดไว้ เพราะว่าถ้าขุดอ้างไปถึงบรรพบุรุษมันน่าเกลียดถ้าไม่ทำตามที่พูด” 

"ขอให้รักษาคำพูด" เปิดใจ “ติน วรัญญู” เหยื่อแพรวาในวันที่คดีจบแต่ไร้การเยียวยา

เพื่อให้คนจนไม่ตกขบวนยุติธรรม

นอกจากครั้งแรกที่วรัญญูพบกับแพรวาและครอบครัวพร้อมกับขนมในการเข้าเยี่ยมหลังเกิดเหตุขณะที่รักษาอาการบาดอยู่ที่โรงพยาบาล ครั้งนั้นนับเป็นครั้งเดียวที่ทั้งคู่ได้พบกัน ซึ่งทั้งหมดของค่าใช้จ่ายกว่า 4-5 แสนบาท ในการนอนรักษาอยู่ที่โรงพยายบาล 3 เดือน ถูกจ่ายโดยประกันรถทั้งสิ้น และไม่นับการพักฟื้นรักษาตัวเองที่ต้องเดินทางไปรักษาหาหมอตามนัดอีก 1-2 ปี ที่จ่ายเองทั้งหมด

“เจอเขาก็แค่ครั้งเดียว ครอบครัวเขาก็ครั้งเดียว ถ้านับทนายเขาเป็นญาติ ซึ่งเขาก็น่าจะเป็นลุงหลานกัน อันนี้พบบ่อยในศาล” เขาว่าแซมหัวเราะให้กับความปรกติที่เกิดขึ้นกับเขาหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าข่าวเรื่องนี้ออกมากี่รอบและต่อให้ข่าวแรงหรือหนักแค่ไหน ก็ไม่มีเคยได้รับการติดต่อใดๆ เลยทั้งสิ้น

“คือบ้านนี้เขาจะเงียบตลอด ตอนนี้ผมก็ทำใจ เข้าใจว่าพรุ่งนี้กระแสก็คงจะเงียบ เขาก็เงียบอย่างนี้อยู่แล้ว ผมก็รู้สึกว่าเขาก็รู้ว่าเดี๋ยวข่าวมันก็เงียบ เพราะเราถ้าจะไปต่อก็ต้องจ่ายเงินการฟ้อง ทุกครั้งที่ฟ้องแพ่ง ทั้งๆ ที่มันเป็นเงินที่เราควรได้ เรายังต้องมีค่าธรรมเนียมในการจ่าย ซึ่งเราต้องเอาเงินไปทิ้งไว้ที่ศาลอีก มันไม่มีเงินจะฟ้องกันแล้วเพราะต่อให้มันเป็นเงินตามที่เราเรียกร้องจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากได้ ต้องสู้กันถึง 9 ปี แบบนี้”

วรัญญูสารภาพความรู้สึกท้อใจต่อโครงสร้างกระบวนการยุติธรรมที่ใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน แถมค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองก่อนคดีความสิ้นสุด

“จำเลยยิ่งหน้าด้านมากเท่าไหร่ยิ่งชนะ” เขาบอกต่อ “คนจนจริงๆ โดนค่าเสียหายในการใช้จ่ายดำเนินคดี เขาก็ไม่มีเงินจะฟ้อง ซึ่งนั้นส่งผลต่อเขาไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกความยุติธรรมให้กับตัวเอง คือค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมันไม่ได้มีการฟ้องเกินอยู่แล้ว และถ้าตาสีตาสาไม่มีเงินจริงๆ แล้วเขาโดนละเมิด ไม่มีสิทธิฟ้องแพ่งเลยเพราะมีค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องคิดเป็นเปอร์เซนต์ของยอดการฟ้องร้อง

“ทีนี้เราก็จะมองว่ามันเป็นเรื่องของบาปกรรม ซึ่งจริงๆ ไม่อยากให้ทุกคนไปพูดเรื่องเป็นบาปกรรม เป็นเรื่องดวง มันคือเรื่องของสังคมที่เราอยู่ มันตลกแค่ไหน ใครๆ ก็รู้กันอยู่ เด็กอายุแค่นี้ขับรถบนทางด่วนโทลล์เวย์ได้ แล้วพอเกิดเหตุก็ได้รับการปกป้องจากครอบครัวแบบผิดๆ”

"ขอให้รักษาคำพูด" เปิดใจ “ติน วรัญญู” เหยื่อแพรวาในวันที่คดีจบแต่ไร้การเยียวยา

   

คนเราทำผิดได้ แต่ต้องพร้อมกับความรับผิดชอบ

“ครั้งนี้ก็คงเหมือนเดิมความรู้สึกส่วนตัวผม เขาทำให้รู้สึกว่าเขาบีบผมให้ไปฟ้องบังคับคดีเขาอีกรอบ และใช้เวลาอีก 3-4-5 ปี” วรัญญูเปิดเผยถึงทิศทางในวันพรุ่งนี้หากไม่ได้รับการเยียวยา

“แต่ผมก็ไม่โกรธเขาหรอกนะ อย่างที่บอกคนเรามันทำผิดกันได้ ไม่โกรธเขานะ พูดตลอดมันเป็นอุบัติเหตุ เขาไม่ได้ตั้งใจขับรถคันนี้เพื่อจะมาชนผม ถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่เลือกที่จะชนผม แล้วผมก็รู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะโกรธเขา อันนี้คือสิ่งที่บอกตัวเองตลอด 9 ปี เราอดทนแล้วกัน รอเขาแล้วกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกได้คือปฏิกิริยาความใส่ใจและความรับผิดชอบจากเขาและครอบครัวมากกว่า แต่ไม่มีเลย”

“คนเราทำผิดได้ แต่มันก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ” เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ในปัจจุบันอาการกระดูกเข่าซ้ายแตก ไหปลาร้าหัก แขนขวาหัก หลังประสบเหตุครั้งนั้นประสานเชื่อมหายแล้วเป็นปรกติ เหลือแต่เพียงคำถามในใจครั้งนี้...