posttoday

ไล่ออก!! สวป.ลำปางคลุ้มคลั่งซุกไอซ์

13 กรกฎาคม 2562

รองโฆษกตร. เผย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไล่ตำรวจลำปางออกจากราชการ หลังคลุ้มคลั่ง พบซุกไอซ์ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

รองโฆษกตร. เผย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไล่ตำรวจลำปางออกจากราชการ หลังคลุ้มคลั่ง พบซุกไอซ์ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.เปิดเผยถึง การจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ว่า เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้จับกุม พ.ต.ต.อาชันธ์ นันตระกูล สวป.สภ.บ้านเอื้อม จ.ลำปาง ได้ที่หอพักราณีเฮ้าส์ แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพ  หลังมีอาการคลุ้มคลั่งโวยวาย พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไอซ์ 2 ถุง น้ำหนักชั่งประมาณ 1.55 กรัม และตรวจพบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ โดยแจ้งข้อหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 โดยผิดกฎหมาย

ต่อมา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อม คำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวออกราชการไว้ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามนัยคำสั่ง 1212/2537 เนื่องจากปล่อยปะละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปกระทำความผิด ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งให้สืบสวน ขยายผล จับกุมผู้ที่สนับสนุนหรือที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่กระทำความผิดกฎหมายเสียเอง เรื่องอย่างนี้ต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสีย ชื่อเสียงขององค์กรและขอยืนยันว่าจะไม่มีการปกป้องตำรวจ ที่กระทำความผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ต้องรับโทษมากกว่าบุคคลธรรมดา

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีข้อสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้กระทำผิดกฎหมายหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อีกทั้งยังได้มอบนโยบายในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของยาเสพติดอยู่แล้ว เช่น โครงการตำรวจสีขาว และ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกราชการ ซึ่งอาจมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมาย