posttoday

เสี่ยร้านทองขอบคุณกองปราบจับอดีตเมียร่วมมือร.ต.อ.ลอบทำร้าย

11 กรกฎาคม 2562

เจ้าของร้านทองราชบุรีรุดขอบคุณตำรวจกองปราบช่วยคลี่คลายคดีถูกอดีตเมียร่วมมือกับผู้กองหยองลอบทำร้ายปมแบ่งมรดก ด้านรองผบก.จว.ราชบุรี ดอดให้ปากคำหลังพบสนิทใกล้ชิดผู้ต้องหา

เจ้าของร้านทองราชบุรีรุดขอบคุณตำรวจกองปราบช่วยคลี่คลายคดีถูกอดีตเมียร่วมมือกับผู้กองหยองลอบทำร้ายปมแบ่งมรดก ด้านรองผบก.จว.ราชบุรี ดอดให้ปากคำหลังพบสนิทใกล้ชิดผู้ต้องหา

จากกรณี พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5. บก.ป. นำกำลังจับกุม ร.ต.อ.ภาคภูมิ หรือ หยอง ทองแจ้ง หรือ ผู้กองหยอง อายุ 48 ปี รอง สว.ป.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ น.ส.เพชรรัตน์ ตั้งสิริเมธาพร 48 ปี สองผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันจ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังสืบทราบว่า เป็นผู้ว่าจ้างกลุ่มชายฉกรรจ์ไปดักรุมทำร้าย นายอนุพันธ์ ทวีสิทธิศักดิ์ เจ้าของร้านทองแสงเจริญ ใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นอดีตสามีของ น.ส.เพชรรัตน์ และบุคคลใกล้ชิดของนายอนุพีนธุ์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีปมเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องการแบ่งทรัพย์สินสมรมที่ยังตกลงกันไม่ได้ระหว่าง นายอนุพันธุ์ กับ น.ส.เพชรรัตน์ หลังจากที่ได้อย่าล้างกันมานานกว่า 3 ปี ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น

เสี่ยร้านทองขอบคุณกองปราบจับอดีตเมียร่วมมือร.ต.อ.ลอบทำร้าย

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอนุพันธ์ ทวีสิทธิศักดิ์ เจ้าของร้านทองแสงเจริญ อ.บ้านโป่ง ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. เพื่อมอบกระเช้าของขวัญขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีหลังทราบว่าสามารถจับกุมตัว ร.ต.อ.ภาคภูมิ และ น.ส.เพชรรัตน์ สองผู้ต้องหาตัวการสำคัญที่เหลืออยู่ได้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า คดีนี้เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทาง นายอนุพันธุ์ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับทางกองปราบฯ ให้ช่วยรับโอนคดีมาอยู่ในความดูแล เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทางคดี ประกอบกับคดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ภายหลังจากที่คดีถูกโอนมายังกองปราบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายก็ได้เร่งลงพื้นที่สืบหาพยานหลักฐานเป็นการด่วน เนื่องจากช่วงระยะเวลาในการทำงานมีค่อนข้างจำกัด กระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน เกี่ยวกับผู้ต้องหาทั้งสองรายซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างกลุ่มคนร้ายไปลงมือก่อเหตุ จนสามารถออกหมายจับและนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนที่เหลืออยู่ได้ จนขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ครบทุกรายแล้ว

สำหรับ จำนวนเงินในการว่าจ้างคนร้ายไปก่อเหตุนั้น จากคำให้การของผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทั้ง 4 คน ที่ถูกตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ ทราบว่า ได้รับค่าจ้างจาก ร.ต.อ.ภาคภูมิ และ น.ส.เพชรรัตน์ เป็นจำนวนเงินตั้งแต่ 3-5 หมื่นบาท

ด้าน นายอนุพันธ์ กล่าวว่า รู้จักและสนิทสนมกับ ร.ต.อ.ภาคภูมิ ผู้ต้องหามาตั้งแต่ยังเป็นตำรวจชั้นประทวน หลังตนเลิกกับภรรยาก็ได้นำลูกสองคนมาเลี้ยง ส่วนภรรยานำลูกอีกคนไปเลี้ยง ตนจึงยกร้านทองให้อดีตภรรยาไปใช้ทำมาหากิน ระหว่างที่เลิกกัน ร.ต.อ.ภาคภูมิ ก็เข้าไปคอยช่วยเหลือดูแล น.ส.เพชรรัตน์ กระทั่ง น.ส.เพชรรัตน์ได้ขอตึกแถวราคา 25 ล้าน และบอกว่าจะยกให้ลูกและมรดกอื่นๆรวม 100 ล้าน แต่ตนไม่ยินยอม อดีตภรรยาก็ได้ไปยื่นฟ้องร้องต่อศาล

นายอนุพันธ์ กล่าวว่า จากนั้นตนเริ่มรู้ตัวแล้วว่า มีคนคุกคาม เริ่มจาก นายโกมลรัตน์ รุ่งเรือง น้องชาย ได้ถูกคนร้าย 2 คนตีได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ครั้ง เมื่อเดือนก.พ.และเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จึงเชื่อว่า คนร้ายมุ่งจะทำร้ายตน เนื่องจากตนได้ให้น้องชายขับรถให้ คนร้ายคงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตน หลังจากนั้นก็ได้จ้างคนมาดูแลความปลอดภัยให้ แต่ก็ไม่วายมาโดนตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก

"หลังเกิดเหตุตำรวจท้องที่จับกุมคนร้ายที่รุมตีผมได้ แต่ไม่ยอมจับคนจ้างวาน จึงเข้าร้องกองปราบจนมีการจับกุมดังกล่าว ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.และ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป.ที่ช่วยติดตามจับกุมคนจ้างวานมาได้ หลังเกิดเรื่องลูกๆ ก็อกสั่นขวัญหาย แต่พอจับกุมคนร้ายได้สภาพจิตใจลูกๆ ก็ดีขึ้นมาก" นายอนุพันธ์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากสามารถจับกุม ร.ต.อ.ภาคภูมิ และ น.ส.เพชรรัตน์ สองผู้ต้องหาคนสำคัญ ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้แล้วนั้น ทางพนักงานสอบสอบสวน กก.5 บก.ป. ได้เชิญตัว นายตำรวจตำแหน่ง รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี นายหนึ่งมาเข้าให้ปากคำเกี่ยวกับคดี ในฐานะพยาน หลังพบว่า มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับร.ต.อ.ภาคภูมิ โดยใช้เวลาให้ปากคำนานร่วม 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับออกไป จากคำให้การของรอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ดังกล่าว ทราบว่ารู้จักมักคุ้นกับ ร.ต.อ.ภาคภูมิจริง เนื่องจาก เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน แต่ยืนยันว่าตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือให้การช่วยเหลือทางคดีแต่อย่างใด