posttoday

เปิดคำพิพากษาคดี "บังนัท" ลวงดญ.วัย 12 ชำเราในตึกร้าง

11 กรกฎาคม 2562

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 21 ปี 4 เดือน "บังนัท " ลวงเด็กหญิง 12 ขวบซื้อขนม สุดท้ายพาชำเราในตึกร้าง ย่านรามคำแหง รับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษเหลือคุก 10 ปี 8 เดือน

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 21 ปี 4 เดือน "บังนัท " ลวงเด็กหญิง 12 ขวบซื้อขนม สุดท้ายพาชำเราในตึกร้าง ย่านรามคำแหง รับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษเหลือคุก 10 ปี 8 เดือน

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.62 เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ. รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1116/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสำรวย  จิตรชื้น หรือบังนัท หรือบังนัด อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาชาว จ.ปทุมธานี เป็นจำเลย ในความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดา-มารดาฯ เพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 , 277 วรรคสาม

กรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ.62 เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะมารดาของ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 12 ปี กำลังกลับห้องพัก ได้พบกับจำเลยซึ่งเป็นคนรู้จักกันมาก่อน โดยจำเลยแจ้งว่าจะซื้อขนมให้บุตรสาวของตน ขอขึ้นไปที่ห้องพักอาคาร หลังจากนั้นจำเลยได้ชวน ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ออกไปซื้อขนมด้านล่างอาคาร ผ่านไปมา 5 นาที ด.ญ.ซี ได้กลับมาที่ห้องและบอกมารดาว่าจำเลยจะพา ด.ญ.บี ไปคนเดียว หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อจำเลยได้ ต่อมา ด.ญ.บี ได้กลับมาที่ห้องพัก พร้อมกับร้องไห้มารดาของผู้เสียหาย จึงสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ด.ญ.บี เล่าว่าหลังจากจำเลยพาลงมาด้านล่างอาคารที่พัก ได้พาซ้อนท้าย จยย. บอกว่าจะไปซื้อขนมข้างนอก ก่อนที่จะขับพา ด.ญ.บี มาที่ตึกร้างซอยรามคำแหง 81/4 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จากนั้นได้พาผู้เสียหายเข้าไปภายในตึกแล้วกระทำชำเรา มารดาของ ด.ญ.บี จึงแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหา กระทั่งวันที่ 17 ก.พ.62 เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้จับกุมผู้ต้องหา ได้ที่ บ้านไม่มีเลขที่ ซ.นวมินทร์ 26 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ซึ่งแจ้งข้อหา ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยตั้งแต่ชั้นฝากขังเมื่อวันที่ 18 ก.พ.62 จนถึงชั้นพิจารณาคดี "บังนัท" ไม่ได้ประกันตัว วันนี้ ศาลก็ได้เบิกตัว "บังนัท" จำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาฟังคำพิพากษา

ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์นำสืบแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า มารดาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับจำเลย ซึ่งพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราในตึกร้างย่านรามคำแหง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ผลชันสูตรพบว่าภายในช่องคลอดพบบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเดินไปทางตรวจสอบที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน และจากการรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิด

ต่อมาวันที่ 17 ก.พ.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ และกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และมีการนำตัวจำเลยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ขณะที่โจทก์ผู้เสียหายเป็นพยาน เบิกความว่า ขณะพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักจำเลยได้มาชักชวนผู้เสียหายกับน้องลงไปซื้อขนม จากนั้นจำเลยได้ให้น้องสาวผู้เสียหายกลับขึ้นไปยังห้องพัก แล้วพาผู้เสียหายซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ไปยังอาคารร้าง ซึ่งอยู่ตรงข้าม รพ.รามคำแหง ก่อนที่จะลงมือกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหายไม่ยินยอม

ศาลเห็นว่า ผู้เสียหายเป็นเด็กและเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย หากเหตุการณ์ไม่เป็นความจริงคงไม่นำมาบอกเล่าแก่มารดา เชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามความจริงไม่ปรากฎข้อพิรุธสงสัย

อีกทั้งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ ที่ระบุว่า พบว่าภายในช่องคลอดของผู้เสียหาย มีบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด โดยหลังเกิดขึ้นเรื่องนี้ผู้เสียหายได้เล่าให้มารดาฟังและได้เดินทางมาแจ้งความทันที จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้เสียหายจะกลั่นแกล้งจำเลย คดีจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า ให้จำคุก 6 ปี ฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาฯ เพื่อการอนาจารฯ , ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ ให้จำคุก 10 ปี โดยให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 (เคยมีคดีกระทำผิดถูกลงโทษแล้ว กระทำผิดใหม่) ฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาฯ เพื่อการอนาจาร จึงให้จำคุก 8 ปี , ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน รวมจำคุก จำเลยทั้งสิ้น 21 ปี 4 เดือน

คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกทั้งสิ้น 10 ปี 8 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้ไม่พบว่ามีญาติ หรือทนายความฝั่งจำเลย เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาหรือให้กำลังใจด้วยแต่อย่างใด ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษาแล่วจำเลยไม่ได้ยื่นประกัน เจ้าหน้าราชทัณฑ์ก็จะนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป

ภาพประกอบข่าว