"หมอธีระวัฒน์"แนะรัฐบาลใหม่เร่งแก้ "วิกฤตระบบสุขภาพ" ชี้บริหารล้มเหลว-ผักชีโรยหน้า

"ศ.นพ.ธีระวัฒน์" แนะรัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหา "ระบบสุขภาพ บัตรทอง" หลังการบริหารล้มเหลว ทำให้กระบวนการบิดเบี้ยวผักชีโรยหน้า ทั้งคนรักษาและผู้ป่วยต้องรับเคราะห์

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงปัญหาของระบบสุขภาพ โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

รัฐบาลที่จะมาใหม่ ต้องรับรู้ข้อมูลและสถานการณ์ความเป็นจริงด่วน!!!!!

วิกฤตของระบบสุขภาพไทย บัตรทอง จากการบริหารล้มเหลวต่อเนื่องของ สปสช และสำนักร่วม

0. สปสช คุมทุกอย่าง คิดวีธีจ่าย วิธีรักษา และเก็บค่าบริหารทั้งๆที่ ล้มเหลว และชักดาบเมื่อสถานบริการ รพ รัฐ ให้การรักษาไปแล้ว ไม่ใช่ purchaser provider split แบบที่อ้าง และทำตัวเป็น regulator

0. แนวคิดเรื่องการรักษา วิธี และงบไม่ได้มาจากพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ทาาบสถานการณ์ในพื้นที่ เปิดตำราจากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่รู้สถานการณ์จริง หมอดูคนไข้ 50-100ราย/คน/วัน ในผู้ป่วยนอก และ 50-60 /คน ผู้ป่วยใน

และเมื่อพูดถึงพยาบาลจะยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งผู้ป่วยนอกผู้ป่วยใน และในห้องผู้ป่วยหนัก

ไอซียู ทำงานมหาศาล และเมื่อทำงานไม่ทันยังถูกต่อว่า ด่าทอ จนกระทั่งถึงกับถูกทำร้าย

0. ล้มเหลวในการประเมินการพัฒนาการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การประเมินเทคโนโลยี นวตกรรม เครื่องมือ และควบคุมประสิทธิภาพ ความปลอดถัย ยา ชีววัตถุคล้ายคลึงที่ทำเลียนแบบ ของตันแบบ

0. ลอกแบบ ของอังกฤษมา 17 ปึ โดยไม่เคยตระหนักของการที่ต้องมีหมอที่รู้ดีจริงๆ ที่จะเป็น หมอทั่วไป/ครอบครัว general practitioner/familly physician ที่อังกฤษ ป ตรี 3. หมอ อีก 6 ปี แพทย์ฝึกหัด อีก 1 ปี และต่ออีก 4 ปี เป็นหมอทั่วไปที่ต้องรอบรู้ เป็นด่านหน้าแช็งแรงที่ไว้ใจได้ในพื้นที่ และการเป็นหมอในระดับรักษาที่ซับซ้อนขึ้นไป ในระดับที่ 2 และ 3 ต้องเชี่ยวชาญชำนาญและจำนวนเพีบงพอ

0. มีอีกมากมาย ที่ต้องรื้อ ทั้งนี้จุดใหญ่คือ “คน” ที่วางระบบ ไม่มีความรู้พอในสภาพของประเทศในระดับต่างๆ แต่วางตนเป็นคนคุมระบบ เป็นเครื่องมือของนักการเมือง รัฐบาลในการการหาเลียง โดยคนยากไร้จะประสบเคราะห์กรรมที่สุดเมื่อเจออาการปานกลางถึงหนักโดยมีโรคเฉพาะบางโรคเช่นเส้นเลือดหัวใจตีบที่ไปได้ดี แต่อื่นๆ พังพาบ แม้กระทั่งดนป่วยไตวาย ที่กำหนดการล้างไตผ่านช่องท้องโดยคนป่วยและครอบครัว แม้ทำไม่ได้ แต่ไม่มีทางเลือก ติดเชื้อ เสียคนในครอบครัวที่ต้องดูแลตลอด และตัวคนป่วยไม่สามารถทำงานได้

0. ขาดการเชื่องโยงกับองค์กรมหาวิทยาลัย วิจัยในการหาตันเหตุ ตัวก่อโรค หวังเป็นเลิศในการรักษาปลายเหตุ

นี่คือเพียงบางข้อที่ระบบน่าจะพังพาบ

คนไม่มีความสามารถจัดการระบบ ไม่ฟังข้อเสีย ดื้อรั้น ไม่แสดงจุดบกพร่องจริง และนำระบบสุขภาพถึงจุดจบ บุคลากรสาธารณสุขเป็นเหยื่อ

งานของ สสส ในส่วนเกี่ยวข้องกับการทำโฆษณาตามสื่อตามโรงภาพยนตร์ใช้เงินมหาศาลควรที่จะต้องยอมรับความจริงว่าผลกระทบจากการโฆษณาแบบที่ทำมาเป็น 10 ปีไม่ได้ช่วย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยกตัวอย่างเช่นการสุขบุรีในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาและสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมาคนกลับสูบบุหรี่และดื่มเหล้ามากขึ้น ทั้งทางที่โปะเงินเข้าไป

เงินที่ใช้สามารถที่จะนำไปช่วยโรงพยาบาลในการให้การรักษาและในขณะเดียวกันก็สามารถนำไปใช้ในการป้องกันในระดับชุมชนได้อย่างเต็มที่และด้วยการผ่านระบบสาธารณสุขมูลฐาน ที่จะมีหมอครอบครัวที่เพิ่งจะเริ่มต้น หรือผ่านทางระบบเดิมที่มีอยู่แล้วที่วางไว้อย่างดีตั้งแต่ปี 2515

แต่การทำโครงสร้างของระบบสาธารณสุขแทนที่จะเป็นการงานในรูปของการบูรณาการ กลับทำการแยกส่วน แยกกลุ่ม กองสำนักย่อยไปอีก ต่างคนต่างทำ และนำมาสู่ความไม่มีประสิทธิภาพในระบบสุขภาพและเป็นการยึดส่วนกลาง เป็นศูนย์กลางไม่ใช่เป็นการกระจายอำนาจอย่างที่กล่าวอ้าง

การแบ่งเขตสุขภาพ 12 + 1 คือรวมกรุงเทพมหานครนั้น ระบุในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 6 เมษายน 2561 ซึ่งจะทำให้สามารถทราบ ความต้องการระดับใดอย่างใดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแตกต่างกันและมีต้นทุนในระดับบุคลากรและทรัพยากรไม่เหมือนกัน

และการแบ่งเขตสุขภาพดังกล่าวจะทำให้มีการพิจารณางบประมาณที่ใช้ตามจริงตามที่ควรจะเป็นและมีความเหมาะสมโดยมีตัวแทนของทุกภาคส่วนของประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลจริงและในการตัดสินใจ

เหล่านี้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย

ปฏิรูประบบสาธารณสุขมีสี่ด้าน 10 ประเด็น 173 หัวข้อแต่ทำไม่ได้เลยแม้แต่หัวข้อเดียว

รัฐบาลที่จะมาใหม่รัฐมนตรีจะต้องไม่ถูกครอบงำด้วยข้าราชการที่ครองระบบและไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น

โอกาสสุดท้ายที่จะช่วยคนยากไร้คนด้อยโอกาสที่ชีวิตของตนเองและครอบครัวอยู่กับบัตรทอง

หลักประกันสุขภาพต้องปรับปรุง ประสงค์ดีอยู่แล้ว กระบวนการถูกทำให้บิดเบี้ยวผักชีโรยหน้า เอาผู้ป่วย หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งประเทศเป็นตัวประกัน และให้รับเคราะห์กรรม ทั้งคนรักษาและผู้ป่วย

คนไทยทั้งประเทศต้องรู้ความจริง