posttoday

ยุติธรรมเล็งใช้"ดิจิทัล"มาร์คจุดผู้ถูกคุมประพฤติ

30 พฤษภาคม 2562

กรมคุมประพฤติเผยรอบปีคดีสูงถึง 3 แสนคดีเกินกำลังเจ้าหน้าที่มีแค่ 2,000คนด้านศาลเผยมีคำสั่งติดอีเอ็มกว่า7 พันครั้ง แต่ยังมีผู้หลบหนี238 ราย ไล่ตามจับได้แล้ว 59 ราย

กรมคุมประพฤติเผยรอบปีคดีสูงถึง 3 แสนคดีเกินกำลังเจ้าหน้าที่มีแค่ 2,000คนด้านศาลเผยมีคำสั่งติดอีเอ็มกว่า7 พันครั้ง แต่ยังมีผู้หลบหนี238 ราย ไล่ตามจับได้แล้ว 59 ราย

นายวิทยา สุริยะวงค์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวเปิดการสัมมนาวิชาการ เรื่อง มิติใหม่งานคุมประพฤติ: นวัตกรรมดิจิทัลในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด (Digital Innovation in Community Corrections) โดยระบุว่า ปัจจุบันกรมคุมประพฤติได้ปรับตัวตามเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจึงนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในด้านต่างๆ ทั้งการใช้ฐานข้อมูล Big Data มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล การนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ EM มาใช้กับผู้กระทำผิด การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและการตรวจพิสูจน์สารเสพติดในร่างกาย การใช้ Application Mobile และ Block Chain มาประยุกต์ใช้บริการประชาชน และยังช่วยให้พนักงานคุมประพฤติทำงานได้สะดวกและมีปตะสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากแต่ละปีมีคดีเข้าสู่คุมประพฤติ 3 แสนคดี ถือเป็นปริมาณมากเกินกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ 2 พันคน โดยในอนาคตการรายงานตัวของผู้ถูกคุมประพฤติจะใช้ดิจิตอลในการมาร์คจุดของผู้เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกคุมประพฤติอยู่ในสายตาตลอดเวลาด้วย

ด้านนายปุณณพัฒน์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา กล่าวว่า หลังจากมีการนำทดลองอุปกรณ์ EM มาใช้ในการปล่อยชั่วคราวในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 10 ปี พบว่านอกจากจะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำแล้วยังทำให้คนยากจนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยได้รับการปล่อยตัวได้เท่าเทียมกัน ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งใช้อุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว 7,336 ครั้งโดยใช้มากที่สุดในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต มีจำเลย 68 ราย ที่ใช้เครื่องมือดังกล่าวนานที่สุดเกือบ 1 ปี และจากสถิติที่ใช้เครื่องมือมีจำเลยหลบหนี 238 ราย สามารถติดตามจับกุมได้ 59 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม 179 ราย ซึ่งผู้หลบหนีที่จับกุมได้ยังติดเครื่องมือดังกล่าวอยู่ทำให้สามารถติดตามตัวได้ง่าย ส่วนการประเมินผลความคุ้มค่าใน 1 ปีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถประเมินได้ เพราะผู้ที่ติดอุปกรณ์ EM สามารถทำงานและทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ ซึ่งเป็นการลดผลกระทบต่อคนได้มหาศาล