posttoday

"ศปอส.ตร."ยังเดินหน้าต่อ แม้ไม่มี "บิ๊กโจ๊ก" ใช้ทีมงานเดิมเป็นหลัก

10 เมษายน 2562

ศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ยังดำเนินการตามปกติ แม้ไม่มี" บิ๊กโจ๊ก" รองผบ.ตร.เผยยังใช้ทีมงานเดิมเป็นส่วนใหญ่

ศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ยังดำเนินการตามปกติ แม้ไม่มี" บิ๊กโจ๊ก" รองผบ.ตร.เผยยังใช้ทีมงานเดิมเป็นส่วนใหญ่

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 62 มีรายงานว่า เช้าวันนี้ หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) โอนย้ายเป็น ข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น บรรยากาศที่ ศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) ซึ่งมีพล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ นั้นพบว่ายังคงเปิดให้บริการตามปกติ และมีประชาชนที่้เดือดร้อนเดินทางมาร้องเรียน

ด้านเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งใดเพิ่มเติม โดยยังคงมีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนตามปกติ

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการศปอส.ตร. กล่าวว่า ศปอส.ตร.ยังคงปฏิบัติหน้าที่มีเหมือนเดิม เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดนหลอกลวง ซึ่งยังคงมีประชาชนเดินทางมาร้องเรียนต่อเนื่อง สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารและเจ้าหน้าที่ในศูนย์นั้น เร็วๆนี้จะมีความชัดเจน แต่ยังคงใช้เจ้าหน้าที่ชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีประสบการณ์ในการทำงานอยู่แล้ว โดยจะให้ไปช่วยท้องที่ในคดีที่ซับซ้อนยุ่งยาก

สำหรับศปอส.ตร.นั้น ตั้งขึ้นใหม่ในช่วงที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แม้มีตำแหน่งเพียงรองผอ.ศูนย์ฯ แต่เป็นผู้มีบทบาทสั่งการขับเคลื่อนทั้งหมด โดยศูนย์นี้ มีอำนาจหน้าที่ปราบปราม 13 ด้าน อาทิ 1.การกู้ยืมเงินโดยไม่เป็นธรรม 2.ชาวต่างชาติทำผิดกฎหมาย หรืออยู่เกินกำหนดอนุญาต 3.การพนัน4.ยาเสพติด/อาวุธปืน 5.ทรัพย์สินทางปัญญา

6.เจ้าหน้าที่รัฐถูกร้องเรียน7.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ8.สถานบริการ9.แข่งรถในทางสาธารณะ10.เร่งรัดกฎหมายจับ/ติดตามการดำเนินคดี 11.รถเถื่อน ป้ายปลอม12.การท่องเที่ยว13.อื่นๆ (อาชญากรรมทั่วไป) จึงเป็นที่มาให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สามารถเข้าไปร่วมสอบสวนในคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา